ไทยกัมพูชา – ศึกเขาพระวิหาร ทบ.ไทย ส่ง Caesar 155 mm ปะทะ BM 21 ทบ.กัมพูชา โดยไปดอกเดียว ยอมเลย

รูปภาพของ ไทยกัมพูชา

แหล่งที่มาของวิดีโอ ศึกเขาพระวิหาร ทบ.ไทย ส่ง Caesar 155 milimet ปะทะ BM 21 ทบ.กัมพูชา โดยไปดอกเดียว ยอมเลย

https://www.youtube.com/watch?v=EtJ1nzVOxZw

เพิ่มเติมเกี่ยวกับ ศึกเขาพระวิหาร ทบ.ไทย ส่ง Caesar 155 milimet ปะทะ BM 21 ทบ.กัมพูชา โดยไปดอกเดียว ยอมเลย

สวัสดีครับ สำหรับวิดีโอนี้แอดมินจะขอหยิบยกเรื่องราวของสมรภูมิเขาพระวิหารที่เกิดขึ้นเมื่อ 10 ปีที่แล้ว และแน่นอนว่าเรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องราวที่กล่าวขานกันอย่างกว้างขวางและได้ยินมาว่าเรื่องราวนี้เกิดขึ้นบนแผ่นดินไทย ชายแดนกัมพูชาที่มีข้อพิพาทเรื่องเขาพระวิหารซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของไทย แต่ประเด็นคือ พื้นที่เขาพระวิหารมีพื้นที่ทับซ้อน และตกลงกันไม่ได้จึงเกิดการปะทะกันขึ้น การปะทะกันครั้งที่ 1 ทหารกัมพูชาเปิดฉากยิงปืนพกแบบ AK47 เข้าใส่ทหารไทย อย่างต่อเนื่อง จากนั้นทั้งสองฝ่ายก็ยิงต่อสู้กันอย่างรุนแรง และสิ่งที่กัมพูชาเพิ่มเติมคือระบบจรวดหลายลำกล้อง BM 21 และปืนใหญ่ยิงเข้าชายฝั่งไทย ชายคนนั้นอยู่ในบริเวณนั้น เกิดความโกลาหลขึ้นมาก การปะทะกันครั้งที่ 2 ทหารกัมพูชาได้ยิงจรวดหลายลำกล้อง BM 21 เข้าใส่อีกครั้ง ทำให้พื้นที่ดังกล่าวเกิดการระเบิด ได้รับความเสียหายเป็นบริเวณกว้างหลายหลังทั้งบ้านเรือนและโรงเรียนและมีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก การปะทะกัน ครั้งที่ 3 ทหารกัมพูชายิงปืนใหญ่ต่อเนื่องเข้ามาจากหลายจุด เข้าฝั่งไทย ทหารไทยยิงตอบโต้ และทหารไทยได้นำหน่วยรบพิเศษสไนเปอร์ 70 นายมาช่วยเสริมกำลังทหารพราน ในการยิงปราบปรามและตอบโต้ การปะทะกัน ครั้งที่ 4 กัมพูชาเริ่มได้ใจ และยกกองทัพมาอย่างต่อเนื่องและใหญ่ขึ้นโดยหวังว่าจะยุติการสู้รบเพื่อจงได้ จากนั้น ทหารไทยก็ไม่ปล่อยให้สถานการณ์บานปลายไปกว่านี้ และมีการส่งเครื่องบินไร้คนขับ 2 ลำไปสอดแนมทหารกัมพูชา ในขณะเดียวกันก็คำนวณพิกัด gps ให้ชัดเจน แล้วทหารไทยก็ตัดสินใจเปิดฉากยิงทำลายข้าศึกด้วยปืนใหญ่ขนาด 155 มม. ทำลายล้างฝ่ายกัมพูชา ซึ่งเป็นการยิงแบบปูพรมตามแนวชายแดนกัมพูชา ถนนและฐานทัพของกัมพูชา รถถัง รถหุ้มเกราะ รถขนส่ง และเครื่องยิงจรวดหลายลำกล้อง BM 21 เสียหายหนัก รวมทั้งปืนใหญ่ขนาด 105 มม. ของกัมพูชากว่า 30 กระบอก เสียหายหนักใช้งานไม่ได้พร้อม โดยมีทหารกัมพูชาเสียชีวิตจำนวนมาก ต่อมาฝ่ายกัมพูชาได้ยื่นขอเจรจาหยุดยิงในลำดับต่อไป ต้องบอกว่าทหารไทยมีความอดทนพอที่ทหารกัมพูชาจะต่อต้านการยั่วยุในเวลานั้น แต่เมื่อถึงเวลานั้นไทยก็เกินกำลัง มากเกินไปต้องโจมตีโต้กลับแบบนั้นอาจจะกลับมาสู้ไม่ได้อีก ซึ่งต้องยอมรับว่าอาวุธที่ไทยมีตอนนั้นเหนือกว่ากัมพูชาพอสมควรและถ้ามีคำถามว่าทำไมไทยถึง ต้องซื้ออาวุธเพิ่มหรือทดแทนของเก่าเพราะอาวุธเหล่านี้จะเป็นเครื่องค้ำจุนความสงบสุขในเขตแดนของไทยซึ่งถ้าอาวุธไทยไม่ดีพอไทยกับกัมพูชาจะต้องสู้รบกันอีกหลายวัน หรืออาจจะเป็นเดือน จนกว่าเรื่องจะไปถึงนานาชาติเพื่อขอหยุดยิง แน่นอนว่า กองทัพไทยต้องมีการเตรียมพร้อม เป็นประจำ มีปัญหาทหารไทยพร้อมรบเสมอ

สวัสดีครับ สำหรับวิดีโอนี้แอดมินจะขอหยิบยกเรื่องราวของสมรภูมิเขาพระวิหารที่เกิดขึ้นเมื่อ 10 ปีที่แล้ว และแน่นอนว่าเรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องราวที่กล่าวขานกันอย่างกว้างขวางและได้ยินมาว่าเรื่องราวนี้เกิดขึ้นบนแผ่นดินไทย ชายแดนกัมพูชาที่มีข้อพิพาทเรื่องเขาพระวิหารซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของไทย แต่ประเด็นคือ พื้นที่เขาพระวิหารมีพื้นที่ทับซ้อน และตกลงกันไม่ได้จึงเกิดการปะทะกันขึ้น การปะทะกันครั้งที่ 1 ทหารกัมพูชาเปิดฉากยิงปืนพกแบบ AK47 เข้าใส่ทหารไทย อย่างต่อเนื่อง จากนั้นทั้งสองฝ่ายก็ยิงต่อสู้กันอย่างรุนแรง และสิ่งที่กัมพูชาเพิ่มเติมคือระบบจรวดหลายลำกล้อง BM 21 และปืนใหญ่ยิงเข้าชายฝั่งไทย ชายคนนั้นอยู่ในบริเวณนั้น เกิดความโกลาหลขึ้นมาก การปะทะกันครั้งที่ 2 ทหารกัมพูชาได้ยิงจรวดหลายลำกล้อง BM 21 เข้าใส่อีกครั้ง ทำให้พื้นที่ดังกล่าวเกิดการระเบิด ได้รับความเสียหายเป็นบริเวณกว้างหลายหลังทั้งบ้านเรือนและโรงเรียนและมีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก การปะทะกัน ครั้งที่ 3 ทหารกัมพูชายิงปืนใหญ่ต่อเนื่องเข้ามาจากหลายจุด เข้าฝั่งไทย ทหารไทยยิงตอบโต้ และทหารไทยได้นำหน่วยรบพิเศษสไนเปอร์ 70 นายมาช่วยเสริมกำลังทหารพราน ในการยิงปราบปรามและตอบโต้ การปะทะกัน ครั้งที่ 4 กัมพูชาเริ่มได้ใจ และยกกองทัพมาอย่างต่อเนื่องและใหญ่ขึ้นโดยหวังว่าจะยุติการสู้รบเพื่อจงได้ จากนั้น ทหารไทยก็ไม่ปล่อยให้สถานการณ์บานปลายไปกว่านี้ และมีการส่งเครื่องบินไร้คนขับ 2 ลำไปสอดแนมทหารกัมพูชา ในขณะเดียวกันก็คำนวณพิกัด gps ให้ชัดเจน แล้วทหารไทยก็ตัดสินใจเปิดฉากยิงทำลายข้าศึกด้วยปืนใหญ่ขนาด 155 มม. ทำลายล้างฝ่ายกัมพูชา ซึ่งเป็นการยิงแบบปูพรมตามแนวชายแดนกัมพูชา ถนนและฐานทัพของกัมพูชา รถถัง รถหุ้มเกราะ รถขนส่ง และเครื่องยิงจรวดหลายลำกล้อง BM 21 เสียหายหนัก รวมทั้งปืนใหญ่ขนาด 105 มม. ของกัมพูชากว่า 30 กระบอก เสียหายหนักใช้งานไม่ได้พร้อม โดยมีทหารกัมพูชาเสียชีวิตจำนวนมาก ต่อมาฝ่ายกัมพูชาได้ยื่นขอเจรจาหยุดยิงในลำดับต่อไป ต้องบอกว่าทหารไทยมีความอดทนพอที่ทหารกัมพูชาจะต่อต้านการยั่วยุในเวลานั้น แต่เมื่อถึงเวลานั้นไทยก็เกินกำลัง มากเกินไปต้องโจมตีโต้กลับแบบนั้นอาจจะกลับมาสู้ไม่ได้อีก ซึ่งต้องยอมรับว่าอาวุธที่ไทยมีตอนนั้นเหนือกว่ากัมพูชาพอสมควรและถ้ามีคำถามว่าทำไมไทยถึง ต้องซื้ออาวุธเพิ่มหรือทดแทนของเก่าเพราะอาวุธเหล่านี้จะเป็นเครื่องค้ำจุนความสงบสุขในเขตแดนของไทยซึ่งถ้าอาวุธไทยไม่ดีพอไทยกับกัมพูชาจะต้องสู้รบกันอีกหลายวัน หรืออาจจะเป็นเดือน จนกว่าเรื่องจะไปถึงนานาชาติเพื่อขอหยุดยิง แน่นอนว่า กองทัพไทยต้องมีการเตรียมพร้อม เป็นประจำ มีปัญหาทหารไทยพร้อมรบเสมอ

สวัสดีครับ สำหรับวิดีโอนี้แอดมินจะขอหยิบยกเรื่องราวของสมรภูมิเขาพระวิหารที่เกิดขึ้นเมื่อ 10 ปีที่แล้ว และแน่นอนว่าเรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องราวที่กล่าวขานกันอย่างกว้างขวางและได้ยินมาว่าเรื่องราวนี้เกิดขึ้นบนแผ่นดินไทย ชายแดนกัมพูชาที่มีข้อพิพาทเรื่องเขาพระวิหารซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของไทย แต่ประเด็นคือ พื้นที่เขาพระวิหารมีพื้นที่ทับซ้อน และตกลงกันไม่ได้จึงเกิดการปะทะกันขึ้น การปะทะกันครั้งที่ 1 ทหารกัมพูชาเปิดฉากยิงปืนพกแบบ AK47 เข้าใส่ทหารไทย อย่างต่อเนื่อง จากนั้นทั้งสองฝ่ายก็ยิงต่อสู้กันอย่างรุนแรง และสิ่งที่กัมพูชาเพิ่มเติมคือระบบจรวดหลายลำกล้อง BM 21 และปืนใหญ่ยิงเข้าชายฝั่งไทย ชายคนนั้นอยู่ในบริเวณนั้น เกิดความโกลาหลขึ้นมาก การปะทะกันครั้งที่ 2 ทหารกัมพูชาได้ยิงจรวดหลายลำกล้อง BM 21 เข้าใส่อีกครั้ง ทำให้พื้นที่ดังกล่าวเกิดการระเบิด ได้รับความเสียหายเป็นบริเวณกว้างหลายหลังทั้งบ้านเรือนและโรงเรียนและมีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก การปะทะกัน ครั้งที่ 3 ทหารกัมพูชายิงปืนใหญ่ต่อเนื่องเข้ามาจากหลายจุด เข้าฝั่งไทย ทหารไทยยิงตอบโต้ และทหารไทยได้นำหน่วยรบพิเศษสไนเปอร์ 70 นายมาช่วยเสริมกำลังทหารพราน ในการยิงปราบปรามและตอบโต้ การปะทะกัน ครั้งที่ 4 กัมพูชาเริ่มได้ใจ และยกกองทัพมาอย่างต่อเนื่องและใหญ่ขึ้นโดยหวังว่าจะยุติการสู้รบเพื่อจงได้ จากนั้น ทหารไทยก็ไม่ปล่อยให้สถานการณ์บานปลายไปกว่านี้ และมีการส่งเครื่องบินไร้คนขับ 2 ลำไปสอดแนมทหารกัมพูชา ในขณะเดียวกันก็คำนวณพิกัด gps ให้ชัดเจน แล้วทหารไทยก็ตัดสินใจเปิดฉากยิงทำลายข้าศึกด้วยปืนใหญ่ขนาด 155 มม. ทำลายล้างฝ่ายกัมพูชา ซึ่งเป็นการยิงแบบปูพรมตามแนวชายแดนกัมพูชา ถนนและฐานทัพของกัมพูชา รถถัง รถหุ้มเกราะ รถขนส่ง และเครื่องยิงจรวดหลายลำกล้อง BM 21 เสียหายหนัก รวมทั้งปืนใหญ่ขนาด 105 มม. ของกัมพูชากว่า 30 กระบอก เสียหายหนักใช้งานไม่ได้พร้อม โดยมีทหารกัมพูชาเสียชีวิตจำนวนมาก ต่อมาฝ่ายกัมพูชาได้ยื่นขอเจรจาหยุดยิงในลำดับต่อไป ต้องบอกว่าทหารไทยมีความอดทนพอที่ทหารกัมพูชาจะต่อต้านการยั่วยุในเวลานั้น แต่เมื่อถึงเวลานั้นไทยก็เกินกำลัง มากเกินไปต้องโจมตีโต้กลับแบบนั้นอาจจะกลับมาสู้ไม่ได้อีก ซึ่งต้องยอมรับว่าอาวุธที่ไทยมีตอนนั้นเหนือกว่ากัมพูชาพอสมควรและถ้ามีคำถามว่าทำไมไทยถึง ต้องซื้ออาวุธเพิ่มหรือทดแทนของเก่าเพราะอาวุธเหล่านี้จะเป็นเครื่องค้ำจุนความสงบสุขในเขตแดนของไทยซึ่งถ้าอาวุธไทยไม่ดีพอไทยกับกัมพูชาจะต้องสู้รบกันอีกหลายวัน หรืออาจจะเป็นเดือน จนกว่าเรื่องจะไปถึงนานาชาติเพื่อขอหยุดยิง แน่นอนว่า กองทัพไทยต้องมีการเตรียมพร้อม เป็นประจำ มีปัญหาทหารไทยพร้อมรบเสมอ