ได้เปิดตัวไปแล้วกับ Apple Event พร้อมกับการเปิดตัว iPhone 12 รุ่นใหม่ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ Apple เปิดตัว iPhone สี่รุ่นพร้อมกันและใช้หน้าจอ OLED ทั้ง 4 รุ่น นอกจากนี้ยังรองรับ 5G เรียกได้ว่าเป็นการอัปเกรดครั้งใหญ่สำหรับ iPhone รายละเอียดของทั้ง 4 รุ่นจะเป็นอย่างไร ?
สิ่งแรกที่ถูกกล่าวถึงและมักเน้นย้ำคือ 5G เนื่องจาก iPhone 12 รองรับ 5G ซึ่งเป็น 5G Ultra Wideband ของ Verizon ที่มีการดาวน์โหลดสูงสุด 4Gbps (5G mmWave มีให้บริการในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น)
Contents
iPhone 12/12 มินิ
สิ่งแรกที่ถูกกล่าวถึงคือสี โดยจะมีให้เลือกทั้งหมด 5 สี ได้แก่ สีฟ้า สีแดง สีเขียว สีขาว และสีดำ การออกแบบตัวเครื่องเป็นรูปทรงของ iPad Pro ตามรายงานข่าวต่างๆ ตัวโครงทำจากอะลูมิเนียมที่ออกแบบมาเพื่อรับสัญญาณ 5G ที่ดีที่สุด นอกจากนี้ยังมีโหมด Smart Data ที่สามารถเปลี่ยนเป็น 4G เมื่อ 5G ไม่พร้อมใช้งานเพื่อประหยัดพลังงาน
(iPhone 12) หน้าจอเป็นหน้าจอ Super Retina XDR ที่รองรับ HDR10 ขนาด 6.1 นิ้ว ความละเอียด 2532 x 1170 พิกเซล 460 ppi หน้าจอเคลือบด้วยเซรามิกชิลด์ทำให้มีความแข็งแรงกว่าหน้าจอสมาร์ทโฟนทั่วไป สูงสุด 4 เท่าด้วยอัตราส่วนคอนทราสต์ 2,000,000:1 ให้ความสว่างสูงสุด 625 nits (ทั่วไป) และความสว่างสูงสุด 1,200 nits (HDR)
(iPhone mini) หน้าจอเป็นหน้าจอ Super Retina XDR ที่รองรับ HDR10 ขนาด 5.4 นิ้ว ความละเอียด 2340 x 1080 พิกเซล 476 ppi หน้าจอเคลือบด้วยเซรามิกชิลด์ทำให้มีความแข็งแรงกว่าหน้าจอสมาร์ทโฟนทั่วไป สูงสุด 4 เท่าด้วยอัตราส่วนคอนทราสต์ 2,000,000:1 ให้ความสว่างสูงสุด 625 nits (ทั่วไป) และความสว่างสูงสุด 1,200 nits (HDR)
ชิปที่ใช้คือ Apple A14 Bionic ที่มี CPU 6-core และ 4-core GPU ทำให้เร็วกว่ารุ่นก่อนถึง 50% นอกจากนี้ Neural Engine ใหม่ยังเร็วขึ้น 80% ทำให้การประมวลผลมีประสิทธิภาพมากขึ้น เก่า
ในส่วนของกล้องจะมีกล้องหลัง 2 ตัว คือ กล้อง Wide 12MP f/1.6 และกล้อง Ultrawide 12MP f/2.4 ที่อัปเกรดแล้ว ซึ่งสามารถถ่ายภาพ/วิดีโอได้ดีขึ้นในที่แสงน้อย (ใช้ Night Mode สำหรับเลนส์ทั้งคู่)
นอกจากนี้ยังรองรับการชาร์จ MagSafe ภายในงานยังอวดเคส iPhone ใหม่และสิ่งที่อยู่ภายในอีกด้วย ซึ่งแน่นอนว่าตามข่าวลือก็คือไม่มีสายชาร์จและหูฟังมาให้ด้วย ในกล่องมีเพียง iPhone และสาย USB-C เป็น Lightning
iPhone 12 Pro / 12 Pro Max
เป็น iPhone ที่เต็มไปด้วยคุณสมบัติระดับโปร มีตัวเรือนสแตนเลส มี 4 สีให้เลือก เทา กราไฟต์ ทอง และน้ำเงิน เรียกได้ว่าสวยระดับพรีเมียม หรูหราอย่างน่าทึ่ง แน่นอนเช่นรุ่นเล็กนอกเหนือจากอุปกรณ์ที่มาในกล่องมีเพียงสาย USB-C ถึง Lightning
(iPhone 12 Pro) หน้าจอเป็นหน้าจอ Super Retina XDR ขนาด 6.1 นิ้ว ความละเอียด 2532 x 1170 พิกเซล 460 ppi ซึ่งเคลือบด้วยเซรามิคชิลด์ทำให้มีความแข็งแรงกว่าหน้าจอสมาร์ทโฟนทั่วไป อัตราส่วนคอนทราสต์ x 2,000,000:1 สามารถให้ความสว่างสูงสุด 800 nits (ทั่วไป) และความสว่างสูงสุด 1,200 nits (HDR)
(iPhone Pro Max) หน้าจอเป็นหน้าจอ Super Retina XDR ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด 2778 x 1284 พิกเซล 458 ppi ซึ่งเคลือบด้วย Ceramic Shield ทำให้มีความแข็งแรงกว่าหน้าจอสมาร์ทโฟนทั่วไปถึง 4 เท่า อัตราส่วนคอนทราสต์ x 2,000,000:1 สามารถให้ความสว่างสูงสุด 800 nits (ทั่วไป) และความสว่างสูงสุด 1,200 nits (HDR)
ชิปที่ใช้คือ Apple A14 Bionic ที่มี CPU 6-core และ 4-core GPU ทำให้เร็วกว่ารุ่นก่อนถึง 50% นอกจากนี้ Neural Engine ใหม่ยังเร็วขึ้น 80% ทำให้การประมวลผลมีประสิทธิภาพมากขึ้น เก่า (League of Legends: Wild Rift ทดสอบแล้ว! ให้เห็นกันชัดๆ)
ด้านกล้อง Apple ได้เน้นกล้องสามตัวที่ด้านหลัง: Wide 12MP f/1.6 Ultrawide 12MP f/2.4 และ Telephoto 12MP f/2.0 (12 Pro), f/2.2 (12 Pro Max) ซึ่งสามารถซูมด้วยแสงได้ 4x, Digital 10x บน iPhone 12 Pro และ 5x, Digital 12x บน iPhone 12 Pro Max เลนส์ทั้งหมดมีระบบป้องกันภาพสั่นไหว OIS แบบออล-อิน-วัน ซึ่งช่วยให้คุณถืออุปกรณ์ไว้นิ่งๆ ได้เพียง 2 วินาที คุณจึงถ่ายภาพกลางคืนได้ดี มากถึง 87%
Apple ProRAW ฟีเจอร์เด่นที่ช่วยแสดงความสามารถของชิป Apple A14 ได้ดีกับความสามารถในการจัดเก็บภาพ RAW และแก้ไขภาพได้เลย สามารถทำงานร่วมกับแอพ Apple หรือแอพภายนอก นอกจากนี้ยังรองรับการบันทึกวิดีโอ HDR, HDR 10 บิต (รักษาสี, แสง, เงาได้ดีกว่า) และ Dolby Vision HDR (เสียงที่ดีกว่า) นอกจากนี้ แอพ Photo ยังสามารถปรับความสว่างของวิดีโอ HDR ได้ทันที
LiDAR อีกหนึ่งไฮไลท์ของ iPhone 12 Pro / 12 Pro Max เพราะนอกจากจะช่วยในการจับภาพระยะห่าง 3 มิติแล้ว ยังช่วยให้ออโต้โฟกัสทำงานเร็วขึ้นถึง 6 เท่า แม้ในที่แสงน้อย เซ็นเซอร์ LiDAR ยังเข้ากันได้กับ 5G
ราคา
ไอโฟน 12 มินิ
- 64GB : $729 ตีค่าเงินไทย ประมาณ 26,500 บาท
- 128GB : $779 ตีเงินไทย ประมาณ 28,500 บาท
- 256GB : $879 ประมาณ 32,000 บาท ในสกุลเงินไทย
iPhone 12
- 64GB : 829 ดอลลาร์ ตีเงินไทย ประมาณ 30,500 บาท
- 128GB : 879 ดอลลาร์ ตีเงินไทย ประมาณ 32,500 บาท
- 256GB : 979 ดอลลาร์ ตีค่าเงินไทย ประมาณ 35,500 บาท
iPhone 12 Pro
- 128GB : 999 ดอลลาร์ ตีเงินไทย ประมาณ 35,900 บาท
- 256GB : 1,099 ดอลลาร์ ตีเงินไทย ประมาณ 40,900 บาท
- 512GB : $1299 ตีเงินไทย ประมาณ 47,900 บาท
iPhone 12 Pro Max
- 128GB : $1099 ตีเงินไทย ประมาณ 39,900 บาท
- 256GB : $1199 ตีเงินไทย ประมาณ 44,900 บาท
- 512GB : $1399 ตีเงินไทย ประมาณ 51,900 บาท
เปิดจองและวันวางจำหน่าย
วันที่เปิดทำการ
- iPhone 12 เริ่มสั่งจองล่วงหน้าในวันที่ 16 ตุลาคม 2020
- iPhone 12 mini เริ่มสั่งจองล่วงหน้าในวันที่ 6 พฤศจิกายน 2020
- iPhone 12 Pro เริ่มสั่งจองล่วงหน้าในวันที่ 16 ตุลาคม 2020
- iPhone 12 Pro Max เริ่มสั่งจองล่วงหน้าในวันที่ 6 พฤศจิกายน 2020
วันที่วางจำหน่าย
- iPhone 12 เปิดตัวเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2020
- iPhone 12 mini วางจำหน่ายวันที่ 13 พฤศจิกายน 2020
- iPhone 12 Pro จะวางจำหน่ายในวันที่ 23 ตุลาคม 2020
- iPhone 12 Pro Max จะวางจำหน่ายในวันที่ 13 พฤศจิกายน 2020
สรุปสเปกของ iPhone 12
ไอโฟน 12 มินิ | iPhone 12 | iPhone 12 มือโปร | iPhone 12 โปรแม็กซ์ | |
---|---|---|---|---|
หน้าจอ | ซูเปอร์เรตินา XDR ขนาด 5.4 นิ้ว 2340 x 1080 พิกเซล 476ppi การแสดงผลแบบ True Tone พื้นที่สีกว้าง (P3) |
ซูเปอร์เรตินา XDR ขนาด 6.1 นิ้ว 2532 x 1170 พิกเซล 460ppi การแสดงผลแบบ True Tone พื้นที่สีกว้าง (P3) |
ซูเปอร์เรตินา XDR ขนาด 6.1 นิ้ว 2532 x 1170 พิกเซล 460ppi การแสดงผลแบบ True Tone พื้นที่สีกว้าง (P3) |
ซูเปอร์เรตินา XDR ขนาด 6.7 นิ้ว 2778 x 1284 พิกเซล 458ppi การแสดงผลแบบ True Tone พื้นที่สีกว้าง (P3) |
ชิปประมวลผล | A14 Bionic | A14 Bionic | A14 Bionic | A14 Bionic |
แกะ | 4 กิกะไบต์ | 4 กิกะไบต์ | 6GB | 6GB |
หน่วยความจำ | 64/128/256GB | 64/128/256GB | 128/256/512GB | 128/256/512GB |
กล้องหลัง | กว้าง 12MP อัลตร้าไวด์ 12MP |
กว้าง 12MP อัลตร้าไวด์ 12MP |
กว้าง 12MP อัลตร้าไวด์ 12MP เทเลโฟโต้ 12MP เครื่องสแกน LiDAR |
กว้าง 12MP อัลตร้าไวด์ 12MP เทเลโฟโต้ 12MP เครื่องสแกน LiDAR |
กล้องด้านหน้า | 12 MP | 12 MP | 12 MP | 12 MP |
กันน้ำ | IP68 (สูงสุด 6 เมตร ภายใน 30 นาที) |
IP68 (สูงสุด 6 เมตร ภายใน 30 นาที) |
IP68 (สูงสุด 6 เมตร ภายใน 30 นาที) |
IP68 (สูงสุด 6 เมตร ภายใน 30 นาที) |
5G | ต่ำกว่า 6GHz | ต่ำกว่า 6GHz | ต่ำกว่า 6GHz | ต่ำกว่า 6GHz |
ราคา (เริ่ม) |
20,320 บาท | 23,450 บาท | 31,300 บาท | 35,880 บาท |
Thông tin thêm
#สรปเปดตว #iPhone #ทง #รนพรอมการปรบปรงครงใหญทสด
[rule_3_plain]
#สรปเปดตว #iPhone #ทง #รนพรอมการปรบปรงครงใหญทสด
เปิดตัวกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วนะครับกับงาน Apple Event พร้อมกับการเปิดตัว iPhone 12 รุ่นใหม่ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ Apple เปิดตัว iPhone พร้อมกันถึง 4 รุ่น แถมยังใช้หน้าจอ OLED ครบทั้ง 4 รุ่นเลย นอกจากนี้ยังรองรับ 5G อีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นการอัพเกรดครั้งใหญ่ของ iPhone เลยทีเดียว ซึ่งรายละเอียดของทั้ง 4 รุ่นจะเป็นอย่างไรนั้นไปชมกันได้เลยสิ่งแรกที่ถูกพูดถึงเลยแถมยังเน้นย้ำบ่อยด้วยก็คือ 5G เพราะ iPhone 12 นั้นรองรับ 5G ที่เป็น 5G Ultra Wideband ของ Verizon ที่ดาวน์โหลดได้สูงสุด 4Gbps นั่นเอง (5G mmWave ใช้ได้แค่ในอเมริกาเท่านั้น)iPhone 12 / 12 miniอย่างแรกที่ถูกพูดถึงเลยก็คือสีครับ โดยจะมีให้เลือกถึง 5 สีคือน้ำเงิน, แดง, เขียว, ขาว และดำ ซึ่งดีไซน์ตัวเครื่องเป็นทรง iPad Pro ตามข่าวหลุดต่าง ๆ กรอบตัวเครื่องเป็นอะลูมิเนียมที่ได้รับการออกแบบมาให้รับสัญญาณ 5G ได้ดีที่สุด นอกจากนี้ยังมี Smart Data Mode ที่สามารถสลับไปใช้ 4G ตอนไม่มี 5G เพื่อประหยัดพลังงานได้(ไอโฟน 12) หน้าจอเป็นหน้าจอ Super Retina XDR ที่รองรับ HDR10 มีขนาด 6.1 นิ้ว ความละเอียด 2532 x 1170 พิกเซล 460 ppi ซึ่งได้ทำการเคลือบหน้าจอด้วย Ceramic shield ทำให้มีความแข็งแรงกว่าหน้าจอสมาร์ทโฟนทั่วไปถึง 4 เท่า มีอัตราส่วนคอนทราสต์ 2,000,000:1 สามารถทำความสว่างได้สูงสุด 625 นิต (ทั่วไป) และความสว่างสูงสุดที่ 1,200 นิต (HDR)(ไอโฟน mini) หน้าจอเป็นหน้าจอ Super Retina XDR ที่รองรับ HDR10 มีขนาด 5.4 นิ้ว ความละเอียด 2340 x 1080 พิกเซล 476 ppi ซึ่งได้ทำการเคลือบหน้าจอด้วย Ceramic shield ทำให้มีความแข็งแรงกว่าหน้าจอสมาร์ทโฟนทั่วไปถึง 4 เท่า มีอัตราส่วนคอนทราสต์ 2,000,000:1 สามารถทำความสว่างได้สูงสุด 625 นิต (ทั่วไป) และความสว่างสูงสุดที่ 1,200 นิต (HDR)ชิปที่ใช้คือ Apple A14 Bionic ที่มี CPU 6-core และ GPU 4-core ทำให้เร็วกว่ารุ่นก่อนถึง 50% นอกจากนี้ Neural Engine ตัวใหม่ยังมีความเร็วมากกว่าเดิมถึง 80% ช่วยให้การประมวลผลมีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิมในส่วนของกล้องนั้นมีกล้องหลัง 2 ตัวเป็นกล้อง Wide 12MP f/1.6 และ Ultrawide 12MP f/2.4 ที่ได้รับการอัพเกรดให้สามารถถ่ายภาพ/ถ่ายวีดีโอในที่แสงน้อยได้ดียิ่งขึ้น (ใช้ Night Mode ได้ทั้ง 2 เลนส์)นอกจากนี้ยังรองรับการชาร์จแบบ MagSafe อีกด้วย นอกจากนี้ในงานยังแสดงให้เห็นถึงกล่อง iPhone แบบใหม่และของที่อยู่ข้างในด้วย ซึ่งก็แน่นอนว่าเป็นไปตามข่าวลือคือไม่มีหัวชาร์จและหูฟังมาให้ ในกล่องมีแค่ iPhone และสาย USB-C mập Lightning เท่านั้นiPhone 12 Pro / 12 Pro Maxมันคือ iPhone ที่อัดแน่นไปด้วยฟีเจอร์ระดับ Pro มากมาย มีตัวเครื่องเป็นสแตนเลส มีสีให้เลือกทั้งหมด 4 สีคือ เทา, กราไฟต์, ทอง และน้ำเงิน ซึ่งเรียกได้ว่าสวยระดับพรี่เมี่ยม มีความหรูหราอย่างโดดเด่น แน่นอนว่าเหมือนรุ่นเล็กคือนอกจากตัวเครื่องแล้วที่แถมมาในกล่องจะมีแค่สาย USB-C mập Lightning เท่านั้น(ไอโฟน 12 Pro) หน้าจอเป็นหน้าจอ Super Retina XDR มีขนาด 6.1 นิ้ว ความละเอียด 2532 x 1170 พิกเซล 460 ppi ซึ่งได้ทำการเคลือบหน้าจอด้วย Ceramic shield ทำให้มีความแข็งแรงกว่าหน้าจอสมาร์ทโฟนทั่วไปถึง 4 เท่า มีอัตราส่วนคอนทราสต์ 2,000,000:1 สามารถทำความสว่างได้สูงสุด 800 นิต (ทั่วไป) และความสว่างสูงสุดที่ 1,200 นิต (HDR)(ไอโฟน Pro Max) หน้าจอเป็นหน้าจอ Super Retina XDR มีขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด 2778 x 1284 พิกเซล 458 ppi ซึ่งได้ทำการเคลือบหน้าจอด้วย Ceramic shield ทำให้มีความแข็งแรงกว่าหน้าจอสมาร์ทโฟนทั่วไปถึง 4 เท่า มีอัตราส่วนคอนทราสต์ 2,000,000:1 สามารถทำความสว่างได้สูงสุด 800 นิต (ทั่วไป) และความสว่างสูงสุดที่ 1,200 นิต (HDR)ชิปที่ใช้คือ Apple A14 Bionic ที่มี CPU 6-core และ GPU 4-core ทำให้เร็วกว่ารุ่นก่อนถึง 50% นอกจากนี้ Neural Engine ตัวใหม่ยังมีความเร็วมากกว่าเดิมถึง 80% ช่วยให้การประมวลผลมีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิม (มีการทดลอบเล่นเกม League of Legends: Wild Rift! ให้ได้เห็นกันชัด ๆ ด้วย)ด้านกล้องเป็นจุดที่ Apple เน้นเป็นพิเศษมาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัวคือ Wide 12MP f/1.6 Ultrawide 12MP f/2.4 และ Telephoto 12MP f/2.0 (12 Pro), f/2.2(12 Pro Max) ซึ่งสามารถซูมแบบ Optical ได้ 4 เท่า, Digital 10 เท่าในไอโฟน 12 Pro และ 5 เท่า, Digital 12 เท่าในไอโฟน 12 Pro Max โดยทุกเลนส์จะมี OIS กันสั่นได้ทั้งหมดซึ่งช่วยให้ถือเครื่องนิ่ง ๆ เพียง 2 วินาที ก็ถ่ายกลางคืนได้ดีขึ้นถึง 87phần trămApple ProRAW ฟีเจอร์เด่นที่ช่วยแสดงความสามารถของชิป Apple A14 ออกมาได้อย่างดีด้วยการที่สามารถเก็บภาพแบบ RAW พร้อมทั้งสามารถแก้ไขภาพได้เลย โดยสามารถทำงานร่วมกับแอปของ Apple หรือแอปภายนอกได้ นอกจากนี้ยังรองรับการบันทึกวีดีโอ HDR, 10-bit HDR (เก็บสี, แสง, เงาได้ดีกว่า) และ Dolby Vision HDR (เสียงดีขึ้น) แถมแอป Photo ยังสามารถปรับแสงวิดีโอ HDR ได้ทันทีเลยLiDAR อีกหนึ่งจุดเด่นของไอโฟน 12 Pro / 12 Pro Max เพราะนอกจากจะช่วยเรื่องการจับระยะภาพแบบ 3D แล้วยังช่วยให้ Autofocus ทำงานได้เร็วขึ้นถึง 6 เท่าแม้ในที่แสงน้อย อีกทั้งเซ็นเซอร์ LiDAR ยังสามารถใช้งานร่วมกับ 5G ได้อีกด้วยราคาiPhone 12 mini64GB : $729 ตีเป็นเงินไทยประมาณ 26,500 บาท128GB : $779 ตีเป็นเงินไทยประมาณ 28,500 บาท256GB : $879 ตีเป็นเงินไทยประมาณ 32,000 บาทiPhone 1264GB : $829 ตีเป็นเงินไทยประมาณ 30,500 บาท128GB : $879 ตีเป็นเงินไทยประมาณ 32,500 บาท256GB : $979 ตีเป็นเงินไทยประมาณ 35,500 บาทiPhone 12 Pro128GB : $999 ตีเป็นเงินไทยประมาณ 35,900 บาท256GB : $1099 ตีเป็นเงินไทยประมาณ 40,900 บาท512GB : $1299 ตีเป็นเงินไทยประมาณ 47,900 บาทiPhone 12 Pro Max128GB : $1099 ตีเป็นเงินไทยประมาณ 39,900 บาท256GB : $1199 ตีเป็นเงินไทยประมาณ 44,900 บาท512GB : $1399 ตีเป็นเงินไทยประมาณ 51,900 บาทวันเปิดจองและวันจำหน่ายวันเปิดจองไอโฟน 12 เริ่มพรีออเดอร์วันที่ 16 ตุลาคม 2563ไอโฟน 12 mini เริ่มพรีออเดอร์วันที่ 6 พฤศจิกายน 2563ไอโฟน 12 Pro เริ่มพรีออเดอร์วันที่ 16 ตุลาคม 2563ไอโฟน 12 Pro Max เริ่มพรีออเดอร์วันที่ 6 พฤศจิกายน 2563วันวางจำหน่ายไอโฟน 12 วางจำหน่ายวันที่ 23 ตุลาคม 2563ไอโฟน 12 mini วางจำหน่ายวันที่ 13 พฤศจิกายน 2563ไอโฟน 12 Pro วางจำหน่ายวันที่ 23 ตุลาคม 2563ไอโฟน 12 Pro Max วางจำหน่ายวันที่ 13 พฤศจิกายน 2563สรุปสเปค iPhone 12iPhone 12 miniiPhone 12iPhone 12 ProiPhone 12 Pro Maxหน้าจอSuper Retina XDRขนาด 5.4 นิ้ว2340 x 1080 พิกเซล 476ppi การแสดงผลแบบ True Toneขอบเขตสีกว้าง (P3)Super Retina XDRขนาด 6.1 นิ้ว2532 x 1170 พิกเซล460ppiการแสดงผลแบบ True Toneขอบเขตสีกว้าง (P3)Super Retina XDRขนาด 6.1 นิ้ว2532 x 1170 พิกเซล460ppiการแสดงผลแบบ True Toneขอบเขตสีกว้าง (P3)Super Retina XDRขนาด 6.7 นิ้ว2778 x 1284 พิกเซล458ppiการแสดงผลแบบ True Toneขอบเขตสีกว้าง (P3)ชิปประมวลผลA14 BionicA14 BionicA14 BionicA14 Bionicแรม4GB4GB6GB6GBหน่วยความจำ64/128/256GB64/128/256GB128/256/512GB128/256/512GBกล้องหลังWide 12MPUltrawide 12MPWide 12MPUltrawide 12MPWide 12MPUltrawide 12MPTelephoto 12MP LiDAR ScannerWide 12MPUltrawide 12MPTelephoto 12MP LiDAR Scannerกล้องหน้า12 MP12 MP12 MP12 MPกันน้ำIP68(ไม่เกิน 6 เมตร ภายใน 30 นาที)IP68(ไม่เกิน 6 เมตร ภายใน 30 นาที)IP68(ไม่เกิน 6 เมตร ภายใน 30 นาที)IP68(ไม่เกิน 6 เมตร ภายใน 30 นาที)5GSub 6GHzSub 6GHzSub 6GHzSub 6GHzราคา(เริ่มต้น)20,320 บาท23,450 บาท31,300 บาท35,880 บาท*เป็นข้อมูลสเปคที่ใช้ในไทย jQuery(document).ready(function($) {
$.post(‘https://specphone.com/web/wp-admin/admin-ajax.php’, {action: ‘wpt_view_count’, id: ‘292046’});
}); jQuery(document).ready(function( $) {
$.post( ‘https://specphone.com/web/wp-admin/admin-ajax.php’, {action: ‘mts_view_count’, id: ‘292046’});
});
#สรปเปดตว #iPhone #ทง #รนพรอมการปรบปรงครงใหญทสด
[rule_2_plain]
#สรปเปดตว #iPhone #ทง #รนพรอมการปรบปรงครงใหญทสด
[rule_2_plain]
#สรปเปดตว #iPhone #ทง #รนพรอมการปรบปรงครงใหญทสด
[rule_3_plain]
#สรปเปดตว #iPhone #ทง #รนพรอมการปรบปรงครงใหญทสด
เปิดตัวกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วนะครับกับงาน Apple Event พร้อมกับการเปิดตัว iPhone 12 รุ่นใหม่ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ Apple เปิดตัว iPhone พร้อมกันถึง 4 รุ่น แถมยังใช้หน้าจอ OLED ครบทั้ง 4 รุ่นเลย นอกจากนี้ยังรองรับ 5G อีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นการอัพเกรดครั้งใหญ่ของ iPhone เลยทีเดียว ซึ่งรายละเอียดของทั้ง 4 รุ่นจะเป็นอย่างไรนั้นไปชมกันได้เลยสิ่งแรกที่ถูกพูดถึงเลยแถมยังเน้นย้ำบ่อยด้วยก็คือ 5G เพราะ iPhone 12 นั้นรองรับ 5G ที่เป็น 5G Ultra Wideband ของ Verizon ที่ดาวน์โหลดได้สูงสุด 4Gbps นั่นเอง (5G mmWave ใช้ได้แค่ในอเมริกาเท่านั้น)iPhone 12 / 12 miniอย่างแรกที่ถูกพูดถึงเลยก็คือสีครับ โดยจะมีให้เลือกถึง 5 สีคือน้ำเงิน, แดง, เขียว, ขาว และดำ ซึ่งดีไซน์ตัวเครื่องเป็นทรง iPad Pro ตามข่าวหลุดต่าง ๆ กรอบตัวเครื่องเป็นอะลูมิเนียมที่ได้รับการออกแบบมาให้รับสัญญาณ 5G ได้ดีที่สุด นอกจากนี้ยังมี Smart Data Mode ที่สามารถสลับไปใช้ 4G ตอนไม่มี 5G เพื่อประหยัดพลังงานได้(ไอโฟน 12) หน้าจอเป็นหน้าจอ Super Retina XDR ที่รองรับ HDR10 มีขนาด 6.1 นิ้ว ความละเอียด 2532 x 1170 พิกเซล 460 ppi ซึ่งได้ทำการเคลือบหน้าจอด้วย Ceramic shield ทำให้มีความแข็งแรงกว่าหน้าจอสมาร์ทโฟนทั่วไปถึง 4 เท่า มีอัตราส่วนคอนทราสต์ 2,000,000:1 สามารถทำความสว่างได้สูงสุด 625 นิต (ทั่วไป) และความสว่างสูงสุดที่ 1,200 นิต (HDR)(ไอโฟน mini) หน้าจอเป็นหน้าจอ Super Retina XDR ที่รองรับ HDR10 มีขนาด 5.4 นิ้ว ความละเอียด 2340 x 1080 พิกเซล 476 ppi ซึ่งได้ทำการเคลือบหน้าจอด้วย Ceramic shield ทำให้มีความแข็งแรงกว่าหน้าจอสมาร์ทโฟนทั่วไปถึง 4 เท่า มีอัตราส่วนคอนทราสต์ 2,000,000:1 สามารถทำความสว่างได้สูงสุด 625 นิต (ทั่วไป) และความสว่างสูงสุดที่ 1,200 นิต (HDR)ชิปที่ใช้คือ Apple A14 Bionic ที่มี CPU 6-core และ GPU 4-core ทำให้เร็วกว่ารุ่นก่อนถึง 50% นอกจากนี้ Neural Engine ตัวใหม่ยังมีความเร็วมากกว่าเดิมถึง 80% ช่วยให้การประมวลผลมีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิมในส่วนของกล้องนั้นมีกล้องหลัง 2 ตัวเป็นกล้อง Wide 12MP f/1.6 และ Ultrawide 12MP f/2.4 ที่ได้รับการอัพเกรดให้สามารถถ่ายภาพ/ถ่ายวีดีโอในที่แสงน้อยได้ดียิ่งขึ้น (ใช้ Night Mode ได้ทั้ง 2 เลนส์)นอกจากนี้ยังรองรับการชาร์จแบบ MagSafe อีกด้วย นอกจากนี้ในงานยังแสดงให้เห็นถึงกล่อง iPhone แบบใหม่และของที่อยู่ข้างในด้วย ซึ่งก็แน่นอนว่าเป็นไปตามข่าวลือคือไม่มีหัวชาร์จและหูฟังมาให้ ในกล่องมีแค่ iPhone และสาย USB-C mập Lightning เท่านั้นiPhone 12 Pro / 12 Pro Maxมันคือ iPhone ที่อัดแน่นไปด้วยฟีเจอร์ระดับ Pro มากมาย มีตัวเครื่องเป็นสแตนเลส มีสีให้เลือกทั้งหมด 4 สีคือ เทา, กราไฟต์, ทอง และน้ำเงิน ซึ่งเรียกได้ว่าสวยระดับพรี่เมี่ยม มีความหรูหราอย่างโดดเด่น แน่นอนว่าเหมือนรุ่นเล็กคือนอกจากตัวเครื่องแล้วที่แถมมาในกล่องจะมีแค่สาย USB-C mập Lightning เท่านั้น(ไอโฟน 12 Pro) หน้าจอเป็นหน้าจอ Super Retina XDR มีขนาด 6.1 นิ้ว ความละเอียด 2532 x 1170 พิกเซล 460 ppi ซึ่งได้ทำการเคลือบหน้าจอด้วย Ceramic shield ทำให้มีความแข็งแรงกว่าหน้าจอสมาร์ทโฟนทั่วไปถึง 4 เท่า มีอัตราส่วนคอนทราสต์ 2,000,000:1 สามารถทำความสว่างได้สูงสุด 800 นิต (ทั่วไป) และความสว่างสูงสุดที่ 1,200 นิต (HDR)(ไอโฟน Pro Max) หน้าจอเป็นหน้าจอ Super Retina XDR มีขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด 2778 x 1284 พิกเซล 458 ppi ซึ่งได้ทำการเคลือบหน้าจอด้วย Ceramic shield ทำให้มีความแข็งแรงกว่าหน้าจอสมาร์ทโฟนทั่วไปถึง 4 เท่า มีอัตราส่วนคอนทราสต์ 2,000,000:1 สามารถทำความสว่างได้สูงสุด 800 นิต (ทั่วไป) และความสว่างสูงสุดที่ 1,200 นิต (HDR)ชิปที่ใช้คือ Apple A14 Bionic ที่มี CPU 6-core และ GPU 4-core ทำให้เร็วกว่ารุ่นก่อนถึง 50% นอกจากนี้ Neural Engine ตัวใหม่ยังมีความเร็วมากกว่าเดิมถึง 80% ช่วยให้การประมวลผลมีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิม (มีการทดลอบเล่นเกม League of Legends: Wild Rift! ให้ได้เห็นกันชัด ๆ ด้วย)ด้านกล้องเป็นจุดที่ Apple เน้นเป็นพิเศษมาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัวคือ Wide 12MP f/1.6 Ultrawide 12MP f/2.4 และ Telephoto 12MP f/2.0 (12 Pro), f/2.2(12 Pro Max) ซึ่งสามารถซูมแบบ Optical ได้ 4 เท่า, Digital 10 เท่าในไอโฟน 12 Pro และ 5 เท่า, Digital 12 เท่าในไอโฟน 12 Pro Max โดยทุกเลนส์จะมี OIS กันสั่นได้ทั้งหมดซึ่งช่วยให้ถือเครื่องนิ่ง ๆ เพียง 2 วินาที ก็ถ่ายกลางคืนได้ดีขึ้นถึง 87phần trămApple ProRAW ฟีเจอร์เด่นที่ช่วยแสดงความสามารถของชิป Apple A14 ออกมาได้อย่างดีด้วยการที่สามารถเก็บภาพแบบ RAW พร้อมทั้งสามารถแก้ไขภาพได้เลย โดยสามารถทำงานร่วมกับแอปของ Apple หรือแอปภายนอกได้ นอกจากนี้ยังรองรับการบันทึกวีดีโอ HDR, 10-bit HDR (เก็บสี, แสง, เงาได้ดีกว่า) และ Dolby Vision HDR (เสียงดีขึ้น) แถมแอป Photo ยังสามารถปรับแสงวิดีโอ HDR ได้ทันทีเลยLiDAR อีกหนึ่งจุดเด่นของไอโฟน 12 Pro / 12 Pro Max เพราะนอกจากจะช่วยเรื่องการจับระยะภาพแบบ 3D แล้วยังช่วยให้ Autofocus ทำงานได้เร็วขึ้นถึง 6 เท่าแม้ในที่แสงน้อย อีกทั้งเซ็นเซอร์ LiDAR ยังสามารถใช้งานร่วมกับ 5G ได้อีกด้วยราคาiPhone 12 mini64GB : $729 ตีเป็นเงินไทยประมาณ 26,500 บาท128GB : $779 ตีเป็นเงินไทยประมาณ 28,500 บาท256GB : $879 ตีเป็นเงินไทยประมาณ 32,000 บาทiPhone 1264GB : $829 ตีเป็นเงินไทยประมาณ 30,500 บาท128GB : $879 ตีเป็นเงินไทยประมาณ 32,500 บาท256GB : $979 ตีเป็นเงินไทยประมาณ 35,500 บาทiPhone 12 Pro128GB : $999 ตีเป็นเงินไทยประมาณ 35,900 บาท256GB : $1099 ตีเป็นเงินไทยประมาณ 40,900 บาท512GB : $1299 ตีเป็นเงินไทยประมาณ 47,900 บาทiPhone 12 Pro Max128GB : $1099 ตีเป็นเงินไทยประมาณ 39,900 บาท256GB : $1199 ตีเป็นเงินไทยประมาณ 44,900 บาท512GB : $1399 ตีเป็นเงินไทยประมาณ 51,900 บาทวันเปิดจองและวันจำหน่ายวันเปิดจองไอโฟน 12 เริ่มพรีออเดอร์วันที่ 16 ตุลาคม 2563ไอโฟน 12 mini เริ่มพรีออเดอร์วันที่ 6 พฤศจิกายน 2563ไอโฟน 12 Pro เริ่มพรีออเดอร์วันที่ 16 ตุลาคม 2563ไอโฟน 12 Pro Max เริ่มพรีออเดอร์วันที่ 6 พฤศจิกายน 2563วันวางจำหน่ายไอโฟน 12 วางจำหน่ายวันที่ 23 ตุลาคม 2563ไอโฟน 12 mini วางจำหน่ายวันที่ 13 พฤศจิกายน 2563ไอโฟน 12 Pro วางจำหน่ายวันที่ 23 ตุลาคม 2563ไอโฟน 12 Pro Max วางจำหน่ายวันที่ 13 พฤศจิกายน 2563สรุปสเปค iPhone 12iPhone 12 miniiPhone 12iPhone 12 ProiPhone 12 Pro Maxหน้าจอSuper Retina XDRขนาด 5.4 นิ้ว2340 x 1080 พิกเซล 476ppi การแสดงผลแบบ True Toneขอบเขตสีกว้าง (P3)Super Retina XDRขนาด 6.1 นิ้ว2532 x 1170 พิกเซล460ppiการแสดงผลแบบ True Toneขอบเขตสีกว้าง (P3)Super Retina XDRขนาด 6.1 นิ้ว2532 x 1170 พิกเซล460ppiการแสดงผลแบบ True Toneขอบเขตสีกว้าง (P3)Super Retina XDRขนาด 6.7 นิ้ว2778 x 1284 พิกเซล458ppiการแสดงผลแบบ True Toneขอบเขตสีกว้าง (P3)ชิปประมวลผลA14 BionicA14 BionicA14 BionicA14 Bionicแรม4GB4GB6GB6GBหน่วยความจำ64/128/256GB64/128/256GB128/256/512GB128/256/512GBกล้องหลังWide 12MPUltrawide 12MPWide 12MPUltrawide 12MPWide 12MPUltrawide 12MPTelephoto 12MP LiDAR ScannerWide 12MPUltrawide 12MPTelephoto 12MP LiDAR Scannerกล้องหน้า12 MP12 MP12 MP12 MPกันน้ำIP68(ไม่เกิน 6 เมตร ภายใน 30 นาที)IP68(ไม่เกิน 6 เมตร ภายใน 30 นาที)IP68(ไม่เกิน 6 เมตร ภายใน 30 นาที)IP68(ไม่เกิน 6 เมตร ภายใน 30 นาที)5GSub 6GHzSub 6GHzSub 6GHzSub 6GHzราคา(เริ่มต้น)20,320 บาท23,450 บาท31,300 บาท35,880 บาท*เป็นข้อมูลสเปคที่ใช้ในไทย jQuery(document).ready(function($) {
$.post(‘https://specphone.com/web/wp-admin/admin-ajax.php’, {action: ‘wpt_view_count’, id: ‘292046’});
}); jQuery(document).ready(function( $) {
$.post( ‘https://specphone.com/web/wp-admin/admin-ajax.php’, {action: ‘mts_view_count’, id: ‘292046’});
});