10 อย่างที่เบื๊อ เบื่อ กับ Android จากใจผู้เคยใช้ iOS

หลังจากที่คุณเป็นสาวก Apple มาอย่างยาวนาน วันหนึ่งจะมีเหตุให้คุณเปลี่ยนใจจาก iOS เป็น Android มันไม่ใช่เรื่องผิดปกติ ทุกอย่างจะเปลี่ยนไป

ระบบปฏิบัติการต่างๆ ในโลก ไม่ว่าจะเป็นในคอมพิวเตอร์พีซี อัลตร้าบุ๊ก แท็บเล็ต หรือสมาร์ทโฟน มีระบบต่างๆมากมาย และแต่ละระบบก็มีความโดดเด่นแตกต่างกันไป เป็นเรื่องปกติที่คนที่ใช้ระบบปฏิบัติการประเภทใดมาเป็นเวลานาน ก็จะเคยชินกับระบบนั้น เมื่อวันหนึ่ง เขาเปลี่ยนไปใช้ระบบอื่น ความไม่คุ้นเคยจึงเกิดขึ้น สิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่เหมือนเดิม ย่อมทำให้เราหวนคิดถึงนิสัยเดิมๆ

บทความนี้ไม่ได้บอกว่าระบบใดดีกว่าระบบใด มันไม่คุ้นเคยสำหรับผู้ที่ยังใหม่กับการใช้งาน

1. การออกแบบไม่สมบูรณ์แบบ

เป็นสิ่งที่ Google ไม่ค่อยให้ความสำคัญนัก แม้จะมีการปรับเปลี่ยนดีไซน์ในหลายๆ อย่าง แต่บางครั้งในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่น ขนาดตัวอักษรที่ใหญ่ไป เล็กไป Google ก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับสิ่งเหล่านี้มากนัก ผิดกับ Apple ที่คำนึงถึงการออกแบบเป็นสำคัญ แม้แต่จุดเล็กๆ

ความไม่สอดคล้องกันของการออกแบบ


2. การใช้งานไม่คล่องตัวเท่า iOS

ด้วยความหลากหลายของ Android ที่มีมากกว่า iOS ความสามารถในการใช้งานจึงแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับอินเทอร์เฟซของผู้พัฒนาแต่ละราย ก็มีมากมายเช่นกัน ต่างจาก iOS ตรงที่การใช้งานเหมือนกันหมดเพราะเป็นของ apple เดียวกัน นั่นหมายความว่า คุณต้องใช้เวลาในการเรียนรู้การใช้งานทุกครั้งที่เปลี่ยนอุปกรณ์ใหม่ อินเทอร์เฟซใหม่ไม่เหมือน iOS เปลี่ยนไอโฟนกี่เครื่องก็ใช้ได้เหมือนเดิม

มันไม่คล่องตัวเท่า iOS


3. อัปเดตระบบปฏิบัติการ

เมื่อมี Android เวอร์ชันใหม่ออกมาให้อัปเดต ผู้ใช้ Android ส่วนใหญ่จะไม่อัปเดตในทันที พวกเขาจะรออีกสักหน่อย ตรวจสอบให้แน่ใจว่า Android เวอร์ชันใหม่เสถียรก่อนอัปเดต เนื่องจากมีผู้ผลิตอุปกรณ์ Android จำนวนมาก เพื่อให้รองรับกับทุกอุปกรณ์ได้ดีต้องใช้เวลา ซึ่งบน iOS หากมีเวอร์ชันใหม่ออกมา ผู้ใช้ส่วนใหญ่อัปเดตทันทีเนื่องจากมีความเสถียร (มีเพียงหนึ่งเดียว)

อัปเดตระบบปฏิบัติการ


4. การจัดการกับ “bloatware”

บลัดแวร์ เป็นแอพเสริมที่ติดมาหรือมากับมือถือในรุ่นต่างๆที่เราไม่ต้องการใช้และกินทรัพยากรเครื่องทำให้โหลดแอพได้น้อยลงเป็นความใจดีของผู้ผลิตที่บางแอพดี แต่หลายแอพเราไม่ต้องการ ซึ่ง iPhone ไม่มีนโยบายแจกแอพแบบนี้ อยู่ที่มุมมองของแต่ละคน แต่ในเรื่องนี้ Android ควรมองในมุมมองของ Apple

คุณอาจพบ Bloatware


5. ศูนย์ควบคุมใช้งานยากขึ้น

ศูนย์ควบคุม iOS ประกอบด้วยปุ่มควบคุมที่ใช้บ่อย ปุ่มควบคุมการเล่นเพลงเลื่อนปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง แต่ Android มีปุ่มควบคุมมากมาย นอกจากนี้ยังมีการแจ้งเตือน มีอีกมากมายที่นี่และที่นั่นด้วยกัน แม้จะเป็น Lollipop เวอร์ชันใหม่ การเข้าถึงก็ยังต้องใช้หลายขั้นตอนมากกว่าเมื่อเทียบกับ iOS ไม่ว่าจะเป็น iPhone รุ่นใหม่อย่าง iPhone 6 Plus แต่การเข้าถึง Control Center ก็ยังเหมือนเดิม คือการลากนิ้วจากด้านล่างของหน้าจอขึ้นมา

Control-Center-ใช้งานง่ายขึ้น-ใช้งานง่ายขึ้น


6. คุณสมบัติพื้นฐานของกล้องน้อยกว่า iOS

คุณสมบัติพื้นฐานของกล้อง iOS นั้นดีกว่าและมีให้ใช้งานมากกว่าของ Google คุณสมบัติเหล่านี้ เช่น การควบคุมค่าแสงแบบแมนนวล การล็อคค่าแสงอัตโนมัติ/การล็อคโฟกัสอัตโนมัติ ไม่มีอยู่ในกล้องเนทีฟจาก Android

แอปกล้องที่มีฟีเจอร์จำกัดในสต็อกสำหรับ Android


7. นางสาวไอเกล้า (iCloud การสำรองข้อมูล)

ความสามารถในการสำรองข้อมูลของ iCloud นั้นไม่ดีเท่าของ Android iCloud สำรองข้อมูลทุกอย่างจากอุปกรณ์ของคุณ แต่ในทางกลับกัน หากคุณต้องการสำรองทุกอย่างจากฝั่ง Android คุณจะต้องรูทก่อน

คุณจะพลาดการสำรองข้อมูล iCloud


8. แอพ

แน่นอนว่ามีแอพใน Google Play มากกว่า App Store แต่นักพัฒนาแอพก็มีความสุขมากกว่าที่จะพัฒนาแอพใหม่ๆ บน iOS ในแง่ของรายได้จากการดาวน์โหลด App Store นำหน้า Google Play ไปไกล นี่คือสาเหตุที่แอพใหม่ๆ เลือกเปิดตัวกับ App Store เพื่อกอบโกยรายได้ก่อนเอาไปลง Google Play ทำให้ผู้ใช้ Android มักจะต้องรอแล้วรอเล่าถึงแอพที่ต้องการในเวอร์ชัน Android ในขณะที่ต้องดูเพื่อน iPhone ของคุณสนุกกับแอพ

แอพ


9. ขาดตัวเลือกความต่อเนื่อง

หากคุณใช้ Mac หรือ iPad ถัดจาก iPhone หนึ่งในคุณสมบัติใหม่ใน iOS 8 – ความต่อเนื่อง – จะช่วยให้ชีวิตของคุณง่ายขึ้นด้วยการแชร์อุปกรณ์แต่ละเครื่อง ซึ่งไม่มีใน android

ขาดทางเลือกสู่ความต่อเนื่อง


10. สุขภาพของ Apple ดีกว่า Google Fit

หากคุณเคยใช้ Apple’s Health และรักมัน คุณจะต้องผิดหวังเมื่อคุณใช้ Google Fit โดยรวมแล้วแอพทั้งสองดูคล้ายกัน แต่ Apple’s Health มีคุณสมบัติเจ๋ง ๆ ที่ก้าวไปอีกขั้น ด้วย HealthKit และ ResearchKit อุปกรณ์ iOS ของคุณสามารถเปลี่ยนเป็นศูนย์การแพทย์เคลื่อนที่ได้

Apples-สุขภาพดีกว่า Google Fit ยัง---HealthKit

แหล่งที่มา : โฟนอารีน่า


Thông tin thêm

10 อย่างที่เบื๊อ เบื่อ กับ Android จากใจผู้เคยใช้ iOS

#อยางทเบอ #เบอ #กบ #Android #จากใจผเคยใช #iOS
[rule_3_plain] #อยางทเบอ #เบอ #กบ #Android #จากใจผเคยใช #iOS
หลังจากที่คุณเป็นสาวกของแอปเปิลมาเป็นเวลายาวนาน อยู่มาวันนึงมีเหตุให้คุณต้องเปลี่ยนใจจาก iOS หันเข้าหา Android มันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ทุกอย่างนั้นย่อมมีการเปลี่ยนแปลงระบบปฏิบัติการต่างๆในโลกนี้ ไม่ว่าจะเป็นใน PC คอมพิวเตอร์, ultrabook, tablet หรือว่าสมาร์ทโฟน ต่างก็มีอยู่หลายระบบ และแต่ระบบนั้นก็มีเอกลักษณ์แตกต่างกันไป มันเป็นเรื่องปกติที่ คนที่ใช้ระบบปฏิบัติการแบบใดมาเป็นเวลานาน ก็จะเคยชินกับระบบนั้น เมื่อมาวันหนึ่งเขาได้เปลี่ยนไปใช้อีกระบบหนึ่ง ความไม่คุ้นเคยจึงเกิดขึ้น บางสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่มันไม่เหมือนเดิม ย่อมทำให้หวนกลับไปคิดถึงความเคยชินแบบเก่าที่เราผ่านมาบทความนี้ ไม่ได้บอกว่าระบบไหนดีกว่าระบบไหน มันเป็นแค่ความไม่คุ้นชินสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มมาใช้เท่านั้น 1. ดีไซน์ไม่ลงตัวเป็นเรื่องที่ทางกูเกิลไม่ค่อยใส่ใจเท่าไร แม้จะมีการปรับเปลี่ยนดีไซน์อะไรหลายๆอย่างแล้วก็ตาม แต่บางทีในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่นขนาดตัวอักษรที่ ใหญ่ไปบ้าง เล็กไปบ้าง เรื่องพวกนี้กูเกิลกลับไม่ค่อยเอาใจใส่ซักเท่าไร ผิดกับทางแอปเปิลที่ถือดีไซน์เป็นเรื่องสำคัญ แม้กระทั่งจุดเล็กๆ 2.การใช้งานไม่คล่องตัวเท่า iOSด้วยความหลากหลายของ Android ที่มีมากกว่า iOS  การใช้งานก็ย่อมแตกต่างกันไปตามแต่ interface ของแต่ละผู้พัฒนาที่มีอยู่หลายเจ้าเหมือนกัน ไม่เหมือนกับทาง iOS ที่การใช้งานย่อมเหมือนกันหมดเพราะเป็นของแอปเปิลเจ้าเดียว นั่นก็หมายความว่า คุณต้องใช้เวลาเรียนรู้การใช้งานใหม่ทุกครั้งเมื่อคุณเปลี่ยนเครื่องใหม่ interface ใหม่ ไม่เหมือนกับทาง iOS ไม่ว่าคุณจะเปลี่ยน iPhone กี่เครื่องมันก็ใช้งานเหมือนเดิม 3. OS updatesเมื่อเวอร์ชั่นใหม่ของแอนดรอยด์ออกมาให้อัพเดต ผู้ใช้แอนดรอยด์ส่วนใหญ่จะยังไม่อัพเดตทันที พวกเขาจะรอเวลาอีกสักพัก ให้แอนดรอยด์เวอร์ชั่นใหม่มีความเสถียรภาพก่อนที่จะทำการอัพเดต เนื่องจากอุปกรณ์ที่ใช้ของทางแอนดรอยด์นั้นมีอยู่หลายผู้ผลิต การจะทำให้รองรับทุกอุปกรณ์ได้อย่างดีนั้นจึงต้องใช้เวลา ซึ่งทาง iOS นั้น ถ้ามีการออกเวอร์ชั่นใหม่ ผู้ใช้ส่วนใหญ่ก็อัพเดตทันทีเพราะมีความเสถียรแน่ (ก็มีอยู่เจ้าเดียว) 4.ต้องเจอะเจอกับ “bloatware”bloatware คือ แอพเสริมที่ติดหรือแถมมากับมือถือในรุ่นต่างๆโดยที่เราไม่ต้องการใช้งานและกินทรัพยากรเครื่องทำให้โหลดแอพเพิ่มได้น้อยลง มันเป็นความใจดีของผู้ผลิตที่บางแอพก็ดี แต่หลายแอพเราก็ไม่ต้องการ ซึ่งทาง iPhone ไม่มีนโยบายในการแถมแอพแบบนี้ มันก็แล้วแต่มุมมองของแต่ละคน แต่ว่าในเรื่องนี้แอนดรอยด์ก็น่าจะมองในมุมมองของแอปเปิลบ้างนะ 5. Control Center ใช้งานยากกว่าControl Center ของทาง iOS นั้น ประกอบด้วยปุ่มควบคุมที่ใช้บ่อยๆ การควบคุมการเล่นเพลง ปุ่มสไลด์เพิ่ม – ลดเสียง แต่ทาง Android มีปุ่มควบคุมมากมาย ทั้งยังมีการแจ้งเตือน นู่นนี่อีกเยอะแยะอยู่รวมกัน ยิ่งในเวอร์ชั่นใหม่ Lollipop การจะเข้าถึงต้องใช้หลายขั้นตอนอีก เทียบกับทาง  iOS ไม่ว่าจะเป็น iPhone รุ่นใหม่แบบ iPhone 6 Plus แต่การเข้าถึง Control Center ก็ยังเหมือนเดิม คือลากนิ้วจากข้างล่างจอขึ้นมา 6.ฟีเจอร์ในกล้องพื้นฐานน้อยกว่าทาง iOSฟีเจอร์ในกล้องพื้นฐานของทาง iOS นั้นดูดีและมีให้เลือกมากกว่าทางฝั่งกูเกิล ฟีเจอร์เหล่านี้ เช่น manual exposure control, automatic exposure/auto-focus lock ไม่มีให้เห็นในกล้องพื้นฐานจากแอนดรอยด์ 7. คิดถึงไอ้คล้าว(iCloud backup)ความสามารถในการสำรองข้อมูลของ iCloud นั้น ทางแอนดรอยด์ยังไม่สามารถทำได้เทียบเท่า  iCloud สำรองข้อมูลทุกอย่างจากอุปกรณ์ของคุณ แต่กลับกันถ้าจะสำรองข้อมูลทุกอย่างจากทางฝั่งแอนดรอยด์นั้น คุณจะต้องทำการ root เสียก่อน 8. Appsแน่นอนว่ามีจำนวนแอพบน Google Play มากกว่า App Store  แต่ผู้พัฒนาแอพรู้สึกยินดีกว่าที่จะได้พัฒนาแอพใหม่ๆ บนระบบ iOS นั่นเป็นเพราะว่า ในแง่ของรายได้จากการดาวน์โหลดแล้ว App Store นำหน้า Google Play อยู่เยอะทีเดียว จึงเป็นสาเหตุที่แอพใหม่ๆ เลือกที่จะเปิดตัวกับ App Store เพื่อกอบโกยรายได้ก่อนที่จะเอาไปลง Google Play  ทำให้บ่อยครั้งที่ผู้ใช้แอนดรอยด์ต้องรอ และรอ แอพที่หมายปองในเวอร์ชั่นแอนดรอยด์ ในขณะที่ต้องทนดูเพื่อนที่ใช้  iPhone สนุกสนานกับแอพนั้นกันไป 9.ขาดแคลนทางเลือกที่ให้ความต่อเนื่องกันถ้า คุณกำลังใช้ เครื่อง Mac หรือ iPad อยู่ข้าง iPhone ของคุณ ฟีเจอร์ใหม่อันนึงใน iOS 8 – Continuity –  จะทำให้ชีวิตของคุณง่ายดายขึ้นด้วยการเชื่อมการใช้งานแต่ละอุปกรณ์ให้ต่อเนื่องกัน ซึ่งไม่มีในแอนดรอยด์ 10. Apple’s Health ดีกว่า Google Fitถ้าคุณเคยใช้ Apple’s Health มาและติดอกติดใจ คุณจะต้องรู้สึกผิดหวังแน่ๆเมื่อได้ใช้ Google Fit โดยรวมแล้วทั้งสองแอพนี้ก็ดูคล้ายๆกัน  แต่ Apple’s Health มีฟีเจอร์เด็ดที่ทำให้เหนือกว่า ต้องขอบคุณ HealthKit และ ResearchKit  ที่ทำให้อุปกรณ์ iOS ของคุณเป็นศูนย์พยาบาลเคลื่อนที่ ที่มา :  phonearena jQuery(document).ready(function($) {
$.post(‘https://specphone.com/web/wp-admin/admin-ajax.php’, {action: ‘wpt_view_count’, id: ‘133821’});
}); jQuery(document).ready(function( $) {
$.post( ‘https://specphone.com/web/wp-admin/admin-ajax.php’, {action: ‘mts_view_count’, id: ‘133821’});
});
#อยางทเบอ #เบอ #กบ #Android #จากใจผเคยใช #iOS
[rule_2_plain] #อยางทเบอ #เบอ #กบ #Android #จากใจผเคยใช #iOS
[rule_2_plain] #อยางทเบอ #เบอ #กบ #Android #จากใจผเคยใช #iOS
[rule_3_plain]

#อยางทเบอ #เบอ #กบ #Android #จากใจผเคยใช #iOS
หลังจากที่คุณเป็นสาวกของแอปเปิลมาเป็นเวลายาวนาน อยู่มาวันนึงมีเหตุให้คุณต้องเปลี่ยนใจจาก iOS หันเข้าหา Android มันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ทุกอย่างนั้นย่อมมีการเปลี่ยนแปลงระบบปฏิบัติการต่างๆในโลกนี้ ไม่ว่าจะเป็นใน PC คอมพิวเตอร์, ultrabook, tablet หรือว่าสมาร์ทโฟน ต่างก็มีอยู่หลายระบบ และแต่ระบบนั้นก็มีเอกลักษณ์แตกต่างกันไป มันเป็นเรื่องปกติที่ คนที่ใช้ระบบปฏิบัติการแบบใดมาเป็นเวลานาน ก็จะเคยชินกับระบบนั้น เมื่อมาวันหนึ่งเขาได้เปลี่ยนไปใช้อีกระบบหนึ่ง ความไม่คุ้นเคยจึงเกิดขึ้น บางสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่มันไม่เหมือนเดิม ย่อมทำให้หวนกลับไปคิดถึงความเคยชินแบบเก่าที่เราผ่านมาบทความนี้ ไม่ได้บอกว่าระบบไหนดีกว่าระบบไหน มันเป็นแค่ความไม่คุ้นชินสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มมาใช้เท่านั้น 1. ดีไซน์ไม่ลงตัวเป็นเรื่องที่ทางกูเกิลไม่ค่อยใส่ใจเท่าไร แม้จะมีการปรับเปลี่ยนดีไซน์อะไรหลายๆอย่างแล้วก็ตาม แต่บางทีในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่นขนาดตัวอักษรที่ ใหญ่ไปบ้าง เล็กไปบ้าง เรื่องพวกนี้กูเกิลกลับไม่ค่อยเอาใจใส่ซักเท่าไร ผิดกับทางแอปเปิลที่ถือดีไซน์เป็นเรื่องสำคัญ แม้กระทั่งจุดเล็กๆ 2.การใช้งานไม่คล่องตัวเท่า iOSด้วยความหลากหลายของ Android ที่มีมากกว่า iOS  การใช้งานก็ย่อมแตกต่างกันไปตามแต่ interface ของแต่ละผู้พัฒนาที่มีอยู่หลายเจ้าเหมือนกัน ไม่เหมือนกับทาง iOS ที่การใช้งานย่อมเหมือนกันหมดเพราะเป็นของแอปเปิลเจ้าเดียว นั่นก็หมายความว่า คุณต้องใช้เวลาเรียนรู้การใช้งานใหม่ทุกครั้งเมื่อคุณเปลี่ยนเครื่องใหม่ interface ใหม่ ไม่เหมือนกับทาง iOS ไม่ว่าคุณจะเปลี่ยน iPhone กี่เครื่องมันก็ใช้งานเหมือนเดิม 3. OS updatesเมื่อเวอร์ชั่นใหม่ของแอนดรอยด์ออกมาให้อัพเดต ผู้ใช้แอนดรอยด์ส่วนใหญ่จะยังไม่อัพเดตทันที พวกเขาจะรอเวลาอีกสักพัก ให้แอนดรอยด์เวอร์ชั่นใหม่มีความเสถียรภาพก่อนที่จะทำการอัพเดต เนื่องจากอุปกรณ์ที่ใช้ของทางแอนดรอยด์นั้นมีอยู่หลายผู้ผลิต การจะทำให้รองรับทุกอุปกรณ์ได้อย่างดีนั้นจึงต้องใช้เวลา ซึ่งทาง iOS นั้น ถ้ามีการออกเวอร์ชั่นใหม่ ผู้ใช้ส่วนใหญ่ก็อัพเดตทันทีเพราะมีความเสถียรแน่ (ก็มีอยู่เจ้าเดียว) 4.ต้องเจอะเจอกับ “bloatware”bloatware คือ แอพเสริมที่ติดหรือแถมมากับมือถือในรุ่นต่างๆโดยที่เราไม่ต้องการใช้งานและกินทรัพยากรเครื่องทำให้โหลดแอพเพิ่มได้น้อยลง มันเป็นความใจดีของผู้ผลิตที่บางแอพก็ดี แต่หลายแอพเราก็ไม่ต้องการ ซึ่งทาง iPhone ไม่มีนโยบายในการแถมแอพแบบนี้ มันก็แล้วแต่มุมมองของแต่ละคน แต่ว่าในเรื่องนี้แอนดรอยด์ก็น่าจะมองในมุมมองของแอปเปิลบ้างนะ 5. Control Center ใช้งานยากกว่าControl Center ของทาง iOS นั้น ประกอบด้วยปุ่มควบคุมที่ใช้บ่อยๆ การควบคุมการเล่นเพลง ปุ่มสไลด์เพิ่ม – ลดเสียง แต่ทาง Android มีปุ่มควบคุมมากมาย ทั้งยังมีการแจ้งเตือน นู่นนี่อีกเยอะแยะอยู่รวมกัน ยิ่งในเวอร์ชั่นใหม่ Lollipop การจะเข้าถึงต้องใช้หลายขั้นตอนอีก เทียบกับทาง  iOS ไม่ว่าจะเป็น iPhone รุ่นใหม่แบบ iPhone 6 Plus แต่การเข้าถึง Control Center ก็ยังเหมือนเดิม คือลากนิ้วจากข้างล่างจอขึ้นมา 6.ฟีเจอร์ในกล้องพื้นฐานน้อยกว่าทาง iOSฟีเจอร์ในกล้องพื้นฐานของทาง iOS นั้นดูดีและมีให้เลือกมากกว่าทางฝั่งกูเกิล ฟีเจอร์เหล่านี้ เช่น manual exposure control, automatic exposure/auto-focus lock ไม่มีให้เห็นในกล้องพื้นฐานจากแอนดรอยด์ 7. คิดถึงไอ้คล้าว(iCloud backup)ความสามารถในการสำรองข้อมูลของ iCloud นั้น ทางแอนดรอยด์ยังไม่สามารถทำได้เทียบเท่า  iCloud สำรองข้อมูลทุกอย่างจากอุปกรณ์ของคุณ แต่กลับกันถ้าจะสำรองข้อมูลทุกอย่างจากทางฝั่งแอนดรอยด์นั้น คุณจะต้องทำการ root เสียก่อน 8. Appsแน่นอนว่ามีจำนวนแอพบน Google Play มากกว่า App Store  แต่ผู้พัฒนาแอพรู้สึกยินดีกว่าที่จะได้พัฒนาแอพใหม่ๆ บนระบบ iOS นั่นเป็นเพราะว่า ในแง่ของรายได้จากการดาวน์โหลดแล้ว App Store นำหน้า Google Play อยู่เยอะทีเดียว จึงเป็นสาเหตุที่แอพใหม่ๆ เลือกที่จะเปิดตัวกับ App Store เพื่อกอบโกยรายได้ก่อนที่จะเอาไปลง Google Play  ทำให้บ่อยครั้งที่ผู้ใช้แอนดรอยด์ต้องรอ และรอ แอพที่หมายปองในเวอร์ชั่นแอนดรอยด์ ในขณะที่ต้องทนดูเพื่อนที่ใช้  iPhone สนุกสนานกับแอพนั้นกันไป 9.ขาดแคลนทางเลือกที่ให้ความต่อเนื่องกันถ้า คุณกำลังใช้ เครื่อง Mac หรือ iPad อยู่ข้าง iPhone ของคุณ ฟีเจอร์ใหม่อันนึงใน iOS 8 – Continuity –  จะทำให้ชีวิตของคุณง่ายดายขึ้นด้วยการเชื่อมการใช้งานแต่ละอุปกรณ์ให้ต่อเนื่องกัน ซึ่งไม่มีในแอนดรอยด์ 10. Apple’s Health ดีกว่า Google Fitถ้าคุณเคยใช้ Apple’s Health มาและติดอกติดใจ คุณจะต้องรู้สึกผิดหวังแน่ๆเมื่อได้ใช้ Google Fit โดยรวมแล้วทั้งสองแอพนี้ก็ดูคล้ายๆกัน  แต่ Apple’s Health มีฟีเจอร์เด็ดที่ทำให้เหนือกว่า ต้องขอบคุณ HealthKit และ ResearchKit  ที่ทำให้อุปกรณ์ iOS ของคุณเป็นศูนย์พยาบาลเคลื่อนที่ ที่มา :  phonearena jQuery(document).ready(function($) {
$.post(‘https://specphone.com/web/wp-admin/admin-ajax.php’, {action: ‘wpt_view_count’, id: ‘133821’});
}); jQuery(document).ready(function( $) {
$.post( ‘https://specphone.com/web/wp-admin/admin-ajax.php’, {action: ‘mts_view_count’, id: ‘133821’});
});

About Lê Lan Ánh

Check Also

[เก่าแต่เก๋า] แนะนำมือถือปรับราคา สเปคแรง กล้องแจ่ม คุ้มค่า น่าซื้อ

ช่วงนี้เป็นช่วงที่มือถือสมาร์ทโฟนเปลี่ยนไป หลายแบรนด์กำลังจะออกรุ่นใหม่ๆ ตีตลาดเร็วๆ นี้ เป็นธรรมชาติของมือถือรุ่นเก่า ที่จะถูกปรับราคาไปตามระเบียบ ส่วนใครที่ซื้อไปก่อนอาจจะปวดหลัง (หลักหัก) นิดหน่อย แต่ถ้าใครต้องการเปลี่ยนมือถือใหม่ บอกเลยว่าพลาดไม่ได้แน่นอน เลยได้รวบรวมสุดยอดมือถือปรับราคาเน้นสเปคแรงใช้งานได้นาน ในตอนแรกคุณอาจรู้สึกเฉยๆ เพราะราคาสูง แต่พอปรับราคาเท่านั้นแหละน่าซื้อ …

Trả lời

Email của bạn sẽ không được hiển thị công khai. Các trường bắt buộc được đánh dấu *