USB Type-C คืออะไร? มีกี่ประเภท แล้วมันต่างกับ Thunderbolt 3 ยังไง

สำหรับอุปกรณ์ไอที ปฏิเสธไม่ได้ว่า USB Type-C เป็นพอร์ตเชื่อมต่อที่ใช้กันมากที่สุดในปัจจุบัน พร้อมประโยชน์ใช้สอยต่างๆ ได้ง่าย อีกทั้งยังถูกนำไปใช้ในแทบทุกอุปกรณ์ ทำให้สะดวกต่อการใช้งานมากที่สุด ด้วยสายเคเบิลเพียงเส้นเดียว ทุกสิ่งสามารถทำได้ แต่ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งจนถึงปัจจุบัน ได้มีการพัฒนามาหลายชั่วอายุคน วันนี้เราจะมาอธิบายทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกัน รวมถึงพอร์ต Thunderbolt 3

USB Type-C คืออะไร?

คำว่า USB Type-C ที่เราใช้รอบนี้ไม่ใช่ชื่อมาตรฐานที่แท้จริง ในทางเทคนิค มันคือการเชื่อมต่อ USB ประเภทหนึ่ง เช่น USB Type-A ที่ใช้กันทั่วไปสำหรับคอมพิวเตอร์และ USB Type-B ที่ใช้สำหรับเครื่องพิมพ์ (ที่เราเห็นบ่อยคือ USB Type-B Micro หรือที่เราเรียกว่า Micro USB ที่ใช้ในมือถือ)

USB ชนิด A
USB Type-A

จริง ๆ แล้วมาตรฐาน USB ถูกกำหนดเป็นตัวเลข เช่น USB 2.0 หรือ USB 3.0 และตัวเลขเหล่านี้เกี่ยวข้องกับความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม อุปกรณ์ส่วนใหญ่ที่มีพอร์ต USB Type-C จะใช้มาตรฐาน USB 3.2 Gen 2 ซึ่งให้ความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลสูงถึง 10Gb/s ซึ่งผู้คนคิดว่าคำสองคำนี้สามารถใช้แทนกันได้ สามารถ

USB Type B มินิไมโคร 1
USB Type-B มินิ/ไมโคร

จึงต้องย้อนกลับไปที่ประวัติของ USB สักหน่อย USB เริ่มปรากฏขึ้นในประวัติศาสตร์ในปี 1998 เมื่อเทคโนโลยีของ USB จะเป็นรุ่น 1.1 จะใช้กับหัวพอร์ต USB Type-A และ Type-B หลังจากนั้นก็ค่อยๆ พัฒนาจนเป็น USB เวอร์ชั่น 2.0 ในปี 2000 และยังคงใช้ต่อไปจนถึงปี 2008 ในช่วงเวลานั้น ที่ใช้กันทั่วไปคือ USB Type-B mini และ USB Type-B Micro หรือที่เรียกว่า mini USB และ Micro USB หลังจากนั้นจึงได้พัฒนาต่อไปเป็น USB เวอร์ชัน 3.0 และพัฒนาเป็น USB เวอร์ชัน 3.1 โดยเพิ่มประสิทธิภาพและแก้ปัญหาความไม่สะดวกในการใช้งานจนเกิดเป็น USB Type-C รูปแบบ

ข้อดีของ USB Type-C

  • ขนาดเล็กพกพาสะดวก
  • สามารถเปลี่ยนหัวพอร์ตไปด้านใดก็ได้
  • รองรับการใช้งานที่หลากหลายเช่น
    • ใช้สำหรับเสียบแบตเตอรี่เข้ากับอุปกรณ์ต่างๆ
    • ใช้ในการส่งข้อมูล
    • ใช้เป็นสายหูฟัง
    • ใช้เป็นพอร์ตเอาต์พุตวิดีโอและเสียง (HDMI)

USB Type-C มีกี่แบบ?

ความเข้ากันได้ของ USB Type C 1 1

ตามแนวคิด Type-C ใช้ได้กับหลายประเภทในหัวเดียว ซึ่งปัจจุบันแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ดังนี้

USB Type-C . ทั่วไป

พิมพ์ c 1

USB Type-C โดยทั่วไปไม่ต่างจาก USB Type-A ในแง่ของการใช้งาน แต่มีเฉพาะหัว Type-C ที่เสียบได้ทั้งสองด้าน โดยทั่วไปจะเรียกว่าหมายเลขเวอร์ชัน 2.0, 3.0, 3.1, 3.1 Gen 2 และ 3.2 ล่าสุด ตัวเลขเหล่านี้สามารถใช้เป็นตัวกำหนดความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูล USB 3.2 นั้นเร็วที่สุด สูงสุด 20Gb/s เลยทีเดียว

รูปแบบทั่วไปนี้สามารถพบได้ในอุปกรณ์ทั่วไปส่วนใหญ่ รวมทั้งโน้ตบุ๊กและสมาร์ทโฟน โดยที่สมาร์ทโฟนจะใช้ต่างกันไปตามระดับของอุปกรณ์ เช่น ในรุ่นเรือธงนั้นจะใช้ USB 3.1 และ USB 3.2 นอกจากนั้น ส่วนใหญ่เป็น USB 2.0 ขึ้นอยู่กับผู้ผลิต ออกแบบมาให้ตัวเครื่องมีระบบชาร์จที่ความเร็วเท่าไหร่ เพราะแต่ละรุ่นรองรับการจ่ายไฟต่างกัน

USB Type-C PD / การจ่ายพลังงาน

c9626c34 36c5 460a 8f56 ba16bd61d39e

USB type PD นั้นเกือบจะเหมือนกับ Type-C ทั่วไป แต่ความแตกต่างคือแหล่งจ่ายไฟที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเริ่มต้นจาก 5V ถึง 20V ทำให้สามารถใช้งานได้กับอุปกรณ์ที่หลากหลายมากขึ้น ปัจจุบัน USB PD ได้รับการพัฒนาเป็นเวอร์ชัน 3.0 ข้อดีของเทคโนโลยี PD คือสามารถชาร์จทุกอย่างได้ตั้งแต่โทรศัพท์มือถือไปจนถึงโน้ตบุ๊ก ในสภาพที่อแดปเตอร์มีขนาดเล็กพกพาสะดวก

USB Type-C DP / พอร์ตแสดงผล

1594157216349 1

Type-C Type-C DP เป็น USB ชนิดที่พบในคอมพิวเตอร์พีซีและโน้ตบุ๊ก ซึ่งพอร์ตนี้จะเป็นพอร์ตสำหรับเชื่อมต่อกับหน้าจอแบบแยกที่รองรับพอร์ต Type-C แต่ด้วย Type-C DP นั้นไม่ค่อยได้รับความนิยมมากนัก จึงมีไม่กี่หน้าจอที่มีพอร์ต Type-C DP ราคาแพงเกินไป แต่ในบางรุ่นที่มีราคาแพงมากพอร์ตนี้ยังสามารถใช้เพื่อชาร์จโน้ตบุ๊กได้อีกด้วย

สายฟ้า 3

สายฟ้า 3

Thunderbolt 3 เป็นพอร์ตรูปแบบ USB Type-C ที่ครอบคลุมมากที่สุด พร้อมความสามารถในการรวมความสามารถที่หลากหลายในพอร์ตเดียว ผู้ใช้ Thunderbolt 3 ในปัจจุบัน เวอร์ชันเต็มจะมีเฉพาะ Apple เท่านั้น โน้ตบุ๊กรุ่นอื่นๆ จะมีเพียง 1 พอร์ต Thunderbolt 3 และจะอยู่ในเครื่องราคาสูงด้วยเช่นกัน

tb3 usbc ที่ทำผลงานได้น่าสนใจ 960x603 1

Thunderbolt 3 สามารถถ่ายโอนข้อมูลได้เร็วเป็นสองเท่าของ USB 3.2 เวอร์ชันล่าสุด ที่ความเร็ว 40Gb/s ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวระหว่าง Thunderbolt 3 และ Type-C ประเภทอื่นๆ คือ Thuncderbolt 3 มีสายฟ้าอยู่ถัดจากพอร์ต Type-C และหากคุณพบมัน คุณจะมั่นใจได้ว่าพอร์ต Type-C คือ Thunderbolt 3

ความสามารถของ Thunderbolt 3

  • เชื่อมต่อหน้าจอ 4K 60 Hz สองจอ (ด้วยสายเคเบิลเส้นเดียว)
  • แหล่งจ่ายไฟสูงถึง 100W
  • เชื่อมต่อจากการ์ดจอภายนอก
  • เชื่อมต่อการ์ดเสียงภายนอก
  • เดซี่ผูกมัดได้ถึง 6 อุปกรณ์
  • รองรับโปรโตคอล Thunderbolt, USB, DisplayPort, PCI Express

นอกจากนี้ ความสามารถของ Thunderbolt 3 ยังเหมือนกับ Type-C ดังนั้นหากคุณใช้สาย Thunderbolt 3 กับอุปกรณ์ที่รองรับ Thunderbolt อื่นๆ หรือใช้กับอุปกรณ์ที่ไม่รองรับ Thunderbolt จะยังคงทำงานได้ดี ตัวอย่างเช่น หากใช้กับอุปกรณ์ที่เป็น Type-C ปกติ การถ่ายโอนข้อมูลจะทำงานบนมาตรฐาน Type-C

เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง USB Type-C และ Thunderbolt 3

สายฟ้า d3e99661 254f 44de ab95 b59116b91c53 ขนาดใหญ่

ตอนนี้เราได้เรียนรู้เกี่ยวกับประเภทต่างๆ ของ Type-C รวมถึง Thunderbolt 3 แล้ว มาดูความแตกต่างระหว่าง Type-C ที่เราใช้บ่อยที่สุดกับ Thunderbolt 3 ที่ Apple และอุปกรณ์ราคาแพงกว่ากัน

USB 3.1 Gen 2 ยูเอสบี 3.2 สายฟ้า 3
ตัวเชื่อมต่อ USB-C USB-C USB-C
ความเร็วสูงสุด 10 Gb/s 20 Gb/s 40 Gb/s
ข้อต่อโซ่เดซี่ มากถึง 6 เครื่อง
การจ่ายพลังงานด้วย USB ไม่มี มี มี
แหล่งจ่ายไฟสูงสุด 100W 100W 100W
โดยทั่วไปแล้วอุปกรณ์จะใช้เป็น USB 3.1 Gen2 ในขณะที่ USB 3.2 อยู่ในประเภทใหม่ล่าสุด

สรุปแล้ว Thunderbolt 3 แตกต่างจาก Type-C ปกติอย่างไร? คำตอบคือ Thunderbolt 3 เป็น Type-C ที่สมบูรณ์แบบซึ่งรวมเอาความสามารถของพอร์ตทั้งหมดเข้าด้วยกัน ทำให้สามารถใช้งานได้หลากหลายที่สุดในเวลานี้ ซึ่งปัจจุบัน พอร์ต Type-C นั้นพบได้แทบในอุปกรณ์ทันสมัยทุกชนิด โดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือในรุ่นต่อๆ มาที่ใส่พอร์ต Type-C ลงในโทรศัพท์มือถือราคาไม่แพง ในขณะที่พอร์ต Thunderbolt นั้นไม่ได้ใช้ในโทรศัพท์มือถือใดๆ ปัจจุบันพบได้ในโน้ตบุ๊ก พีซี และอุปกรณ์ต่างๆ เช่น จอภาพและการ์ดกราฟิกแยก

macbook air 2018 usb c vs 1

แนะนำเลย ใครที่กำลังมองหาโน้ตบุ๊กหรืออุปกรณ์ที่เป็น Type-C ลองหาพอร์ต Thunderbolt 3 ดูครับ เพราะเป็นพอร์ตที่เอนกประสงค์ที่สุด ตอนนี้อุปกรณ์ที่มีพอร์ต Thunderbolt 3 ลดลงไปมากแล้ว แต่ถ้าคุณไม่พบพอร์ต USB Type-C จริงๆ มันก็ไม่ครอบคลุมเท่า ซึ่งต้องสังเกตก่อนว่าพอร์ตนั้นเป็น Type-C ทั่วไปหรือ Type-C ประเภท PD / DP

บทความแนะนำ USB Type-C ที่เราได้เขียนไว้เมื่อนานมาแล้ว ข้อมูล USB ทั้งหมดสามารถพบได้บนเว็บ usb.org เลย


Thông tin thêm

USB Type-C คืออะไร? มีกี่ประเภท แล้วมันต่างกับ Thunderbolt 3 ยังไง

#USB #TypeC #คออะไร #มกประเภท #แลวมนตางกบ #Thunderbolt #ยงไง
[rule_3_plain] #USB #TypeC #คออะไร #มกประเภท #แลวมนตางกบ #Thunderbolt #ยงไง
สำหรับอุปกรณ์ IT ตอนนี้คงปฎิเสธไม่ได้ว่า USB Type-C นั้นเป็นพอร์ตเชื่อมต่อที่ถูกใช้มากที่สุดในปัจจุบัน ด้วยความที่ใช้ง่าย หลากหลายประโยชน์ แถมยังถูกเอาไปใช้ในอุปกรณ์แทบทุกอย่างแล้ว ทำให้มีความสะดวกสบายต่อการใช้งานอย่างถึงที่สุด ด้วยสายเพียงเส้นเดียวก็สามารถทำได้ทุกสิ่ง แต่ทว่าตั้งแต่เริ่มมีการใช้งานมาจนถึงตอนนี้ก็มีการพัฒนาไปหลายรุ่นแล้ว วันนี้เราเลยจะมาอธิบายข้อมูลทุกอย่างที่เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมถึงพอร์ต Thunderbolt 3USB Type-C คืออะไรคำว่า USB Type-C ที่เราใช้กันติดปาดนี้นั้นความจริงแล้วไม่ใช่ชื่อเรียกมาตราฐานอย่างแท้จริง ซึ่งถ้าให้พูดในทางเทคนิคแล้วมันคือประเภทของการเชื่อมต่อของ USB อย่าง USB Type-A ที่นิยมใช้กับคอมพิวเตอร์ และ USB Type-B ที่ใช้ในปริ้นเตอร์ (ที่เราเห็นกันบ่อย ๆ คือ USB Type-B Micro หรือที่เราเรียกว่า Micro USB ซึ่งใช้กันในมือถือนั่นเอง)USB Type-Aมาตราฐาน USB จริง ๆ แล้วจะถูกกำหนดเป็นหมายเลขเช่น USB 2.0 หรือ USB 3.0 ซึ่งตัวเลขเหล่านี้จะเกี่ยวข้องกับความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลที่รองรับเป็นหลัก อย่างไรก็ตามอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่มีพอร์ต USB แบบ Type-C นี้ ส่วนมากจะใช้เป็น USB มาตราฐาน 3.2 Gen 2 ซึ่งมีความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลสูงสุดถึง 10Gb/s ซึ่งคนทั่วไปคิดว่าคำสองคำนี้สามารถใช้แทนกันได้USB Type-B Mini / Microดังนั้นเราจึ้งต้องขอย้อนประวัติของ USB กันสักเล็กน้อย โดย USB นั้นเริ่มปรากฎขึ้นมาในหน้าประวัติศาสตร์ในช่วงปี ค.ศ. 1998 ซึ่งในสมัยนั้นเทคโนโลยีของ USB จะเป็ฯเวอร์ชั่น 1.1 เป็นการใช้งานร่วมกับหัวพอร์ต USB แบบ Type-A และ Type-B หลังจ่กนั้นก็ได้รับการพัฒนาต่อมาเรื่อย ๆ จนกลายเป็น USB เวอร์ชั่น 2.0 ในช่วง ค.ศ. 2000 และใช้งานต่อเนื่องมาจนถึงปี ค.ศ 2008 ซึ่งในช่วงนั้นนิยมใช้กันคือ USB Type-B mini และ USB Type-B Micro หรือที่เราเรียกว่า mini USB และ Micro USB นั่นเอง หลังจากนั้นก็ได้มีการพัฒนาต่อยอดเพิ่มขึ้นมาเป็น USB เวอร์ชั่น 3.0 และพัฒนาเป็น USB เวอร์ชั่น 3.1 โดยมีการเพิ่มประสิทธิภาพและแก้ปัญหาเรื่องความไม่สะดวกในการใช้งาน จนเกิดเป็น USB รูปแบบ Type-C ขึ้นมานั่นเองข้อดีของ USB Type-Cขนาดเล็กพกพาสะดวกหัวพอร์ตสามารถสลับเสียบด้านใดก็ได้รองรับการใช้งานหลากหลายรูปแบบ เช่นใช้เสียบชาร์จแบตเตอรี่ให้กับอุปกรณ์ต่างๆ ใช้รับส่งข้อมูลใช้เป็นสายเสียบหูฟังใช้เป็นพอร์ตส่งสัญญาณภาพและเสียง (HDMI)USB Type-C มีกี่ประเภทType-C นั้นโดยคอนเซ็ปต์แล้วจะสามารถใช้งานได้หลากหลายประเภทภายในหัวเดียว ซึ่งในปัจจุบันนั้นจะถูกแบ่งแยกออกเป็น 4 ประเภทดังนี้USB Type-C แบบทั่วไปUSB Type-C แบบทั่ว ๆ ไปนั้นในด้านการใช้งานก็ไม่ได้แตกต่างไปจาก USB Type-A แต่อย่างใด เพียงแต่มีหัวเป็น Type-C ที่สามารถเสียบด้านไหนก็ได้เท่านั้น โดยในแบบทั่วไปนั้นจะเรียกเป็นหมายเลขเวอร์ชั่นคือ 2.0, 3.0, 3.1, 3.1 Gen 2 และล่าสุดคือ 3.2 ซึ่งตัวเลขเหล่านี้สามารถใช้เป็นตัวระบุความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลได้ โดยใน USB 3.2 นั้นสามารถทำความเร็วได้สูงสุดถึง 20Gb/s เลยทีเดียวซึ่งแบบทั่วไปนี้เราสามารถพบได้ในอุปกรณ์ทั่ว ๆ ไป รวมถึงในโน๊ตบุ๊คและสมาร์ทโฟน โดยในสมาร์โฟนนั้นจะใช้แตกต่างกันไปตามระดับตัวเครื่องอย่างเช่นในรุ่นเรือธงจะใช้ USB 3.1 และ USB 3.2 นอกนั้นส่วนใหญ่จะเป็น USB 2.0 เสียส่วนมาก ซึ่งทั้งนี้ขึ้นอยู่กับทางผู้ผลิตว่าออกแบบให้ตัวเครื่องมีระบบชาร์จด้วยความเร็วเท่าไร เพราะแต่ละรุ่นนั้นรองรับการจ่ายไฟได้ต่างกันUSB Type-C PD / POWER DELIVERYUSB แบบ PD นั้นว่าด้วยเรื่องการใช้งานนั้นไม่ต่างอะไรกับ Type-C แบบทั่วไป แต่ที่แตกต่างกันคือความสามารถในการจ่ายไฟที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเริ่มตั้งแต่ 5V ไปจนถึง 20V ทำให้สามารถเอาไปใช้งานได้กับอุปกรณ์ที่หลากหลายมากขึ้น โดยในปัจจุบันนั้น USB PD นั้นได้มีการพัฒนามาสู่เวอร์ชั่น 3.0 แล้ว ซึ่งข้อดีของเทคโนโลยี PD นั้นคือทำให้สามารถเอาไปใช้ชาร์จได้ตั้งแต่โทรศัพท์มือถือไปจนถึงโน้ตบุ๊ค ในสภาพที่ตัวอะแดปเตอร์มีขนาดเล็กในระดับที่พกพาได้ง่ายUSB Type-C DP / DISPLAY PORTType-C แบบ DP เป็น USB แบบที่จะพบได้บนคอมพิวเตอร์แบบพีซีและโน๊ตบุ๊ค ซึ่งพอร์ตนี้จะเป็นพอร์ตสำหรับเชื่อมต่อกับหน้าจอแยกที่รองรับพอร์ตแบบ Type-C แต่ด้วย Type-C DP เป็นสิ่งที่ยังไม่ได้นิยมมากนักทำให้หน้าจอที่มีพอร์ต Type-C DP นั้นมีน้อยแถมยังราคาแพงด้วย ทว่าในบางรุ่นที่ราคาสูงมาก ๆ พอร์ตนี้สามารถใช้ชาร์จไฟให้โน๊ตบุ๊คได้เลยด้วยซ้ำTHUNDERBOLT 3Thunderbolt 3 นับเป็นพอร์ตที่ครบเครื่องที่สุดในบรรดา USB รูปแบบ Type-C แล้ว ด้วยการรวมความสามารถต่าง ๆ เข้าด้วยกันทำให้สามารถใช้งานได้หลาย ๆ อย่างพร้อมกันในพอร์ตเดียว ซึ่ง Thunderbolt 3 ในปัจจุบันผู้ที่ใช้งานแบบเต็มที่จะมีเพียง Apple เท่านั้น ส่วนโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่น ๆ จะมีการให้พอร์ต Thunderbolt 3 มาเพียง 1 พอร์ต และจะอยู่ในเครื่องที่มีราคาสูงอีกด้วยThunderbolt 3 นั้นสามารถถ่ายโอนข้อมูลได้เร็วกว่า USB 3.2 ที่เป็นเวอร์ชั่นล่าสุดถึง 2 เท่า สามารถทำความเร็วได้ 40Gb/s โดยจุดสังเกตุความแตกต่างของ Thunderbolt 3 และ Type-C แบบอื่น ๆ คือ Thuncderbolt 3 นั้นจะมีรูปสายฟ้าอยู่ข้าง ๆ พอร์ต Type-C ซึ่งหากเจอก็มั่นใจได้เลยว่าพอร์ต Type-C นี้เป็น Thunderbolt 3 แน่นอนความสามารถของ Thunderbolt 3 เชื่อมต่อหน้าจอ 4K 60 Hz สองจอ (ด้วยสายเส้นเดียว)จ่ายไฟสูงสุด 100Wเชื่อมจากการ์ดจอภายนอกเชื่อมต่อการ์ดเสียงภายนอกเชื่อมต่อแบบ Daisy chaining (ลูกโซ่) สูงสุด 6 อุปกรณ์รองรับโปรโตคอล Thunderbolt, USB, DisplayPort, PCI Expressนอกเหนือจากนี้ความสามารถของ Thunderbolt 3 ก็จะเหมือนกับ Type-C ทั้งหมด ทำให้หากเอาสาย Thunderbolt 3 ไปใช้กับอุปกรณ์ที่รองรับ Thunderbolt รุ่นอื่น หรือเอาไปใช้กับอุปกรณ์ที่ไม่ได้รองรับ Thunderbolt ก็ยังสามารถใช้งานได้เป็นปกติ เช่นหากเอาไปใช้กับอุปกรณ์ที่เป็นพียง Type-C ธรรมดา การโอนถ่ายข้อมูลก็จะวิ่งอยู่บนมาตราฐาน Type-C นั่นเองตารางเปรียบเทียบความแตกต่างของ USB Type-C และ Thunderbolt 3หลังจากที่เราได้รู้ข้อมูลของ Type-C แบบต่าง ๆ รวมถึง Thunderbolt 3 ไปแล้วคราวนี้เรามาดูความแตกต่างของ Type-C ที่เราใช้กันแบบทั่ว ๆ ไปและ Thunderbolt 3 ที่ Apple และอุปกรณ์ราคาแพงนิยมใช้USB 3.1 Gen 2USB 3.2Thunderbolt 3คอนเน็กเตอร์USB-CUSB-CUSB-Cความเร็วสูงสุด10 Gb/s20 Gb/s40 Gb/sการต่อพ่วงแบบเดซี่เชน––สูงสุด 6 อุปกรณ์USB Power Deliveryไม่มีมีมีจ่ายไฟสูงสุด100W100W100Wโดยทั่วไปอุปกรณ์ต่าง ๆ จะใช้เป็น USB 3.1 Gen2 ส่วน USB 3.2 จะอยู่ในกลุ่มอุปกรณ์รุ่นใหม่ล่าสุดสรุปแล้ว Thunderbolt 3 มันต่างกับ Type-C ปกติอย่างไร คำตอบก็คือ Thunderbolt 3 นั้นเป็น Type-C แบบ Perfect ที่รวบรวมความสามารถทุกอย่างของพอร์ตต่าง ๆ เข้าไว้ด้วยกัน ทำให้สามารถใช้งานได้ครอบจักรวาลที่สุดในเวลานี้แล้ว ซึ่ง ณ ปัจจุบันนี้พอร์ต Type-C นั้นเจอแทบจะในทุกอุปกรณ์สมัยใหม่แล้ว โดยเฉพาะมือถือในยุคหลัง ๆ ที่ใส่พอร์ต Type-C ลงในมือถือราคาไม่แพง ส่วนพอร์ตแบบ Thunderbolt ยังไม่มีการนำมาใช้ในมือถือแต่อย่างใด ทุกวันนี้จะพบได้ในโน๊ตบุ๊ค, พีซี และอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่นหน้าจอ และการ์ดจอแยกเป็นต้นขอแนะนำเลยนะครับ ใครที่กำลังหาโน๊ตบุ๊คหรืออุปกรณ์ใด ๆ ที่เป็นแบบ Type-C ให้ลองหาที่เป็นพอร์ต Thunderbolt 3 ดูนะครับ เพราะเป็นพอร์ตที่ใช้งานได้หลากหลายที่สุดแล้ว ซึ่งเดี๋ยวนี้อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่มีพอร์ต Thunderbolt 3 นั้นราคาก็ลงมาเยอะแล้ว แต่ถ้าหากหาไม่ได้จริง ๆ พอร์ต USB แบบ Type-C ก็ได้ เพียงแต่จะใช้ได้ไม่ครอบคลุมเท่า ซึ่งก้ต้องมาสักเกตุก่อนว่าพอร์ตนั้นเป็น Type-C แบบทั่ว ๆ ไปหรือเป็น Type-C แบบ PD / DPบทความแนะนำ USB Type-C ที่เราได้เคยเขียนไว้เมื่อนานมาแล้ว ส่วนข้อมูลของ USB ทั้งหมดสามารถหาได้จากเว็บ usb.org เลย jQuery(document).ready(function($) {
$.post(‘https://specphone.com/web/wp-admin/admin-ajax.php’, {action: ‘wpt_view_count’, id: ‘294761’});
}); jQuery(document).ready(function( $) {
$.post( ‘https://specphone.com/web/wp-admin/admin-ajax.php’, {action: ‘mts_view_count’, id: ‘294761’});
});
#USB #TypeC #คออะไร #มกประเภท #แลวมนตางกบ #Thunderbolt #ยงไง
[rule_2_plain] #USB #TypeC #คออะไร #มกประเภท #แลวมนตางกบ #Thunderbolt #ยงไง
[rule_2_plain] #USB #TypeC #คออะไร #มกประเภท #แลวมนตางกบ #Thunderbolt #ยงไง
[rule_3_plain]

#USB #TypeC #คออะไร #มกประเภท #แลวมนตางกบ #Thunderbolt #ยงไง
สำหรับอุปกรณ์ IT ตอนนี้คงปฎิเสธไม่ได้ว่า USB Type-C นั้นเป็นพอร์ตเชื่อมต่อที่ถูกใช้มากที่สุดในปัจจุบัน ด้วยความที่ใช้ง่าย หลากหลายประโยชน์ แถมยังถูกเอาไปใช้ในอุปกรณ์แทบทุกอย่างแล้ว ทำให้มีความสะดวกสบายต่อการใช้งานอย่างถึงที่สุด ด้วยสายเพียงเส้นเดียวก็สามารถทำได้ทุกสิ่ง แต่ทว่าตั้งแต่เริ่มมีการใช้งานมาจนถึงตอนนี้ก็มีการพัฒนาไปหลายรุ่นแล้ว วันนี้เราเลยจะมาอธิบายข้อมูลทุกอย่างที่เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมถึงพอร์ต Thunderbolt 3USB Type-C คืออะไรคำว่า USB Type-C ที่เราใช้กันติดปาดนี้นั้นความจริงแล้วไม่ใช่ชื่อเรียกมาตราฐานอย่างแท้จริง ซึ่งถ้าให้พูดในทางเทคนิคแล้วมันคือประเภทของการเชื่อมต่อของ USB อย่าง USB Type-A ที่นิยมใช้กับคอมพิวเตอร์ และ USB Type-B ที่ใช้ในปริ้นเตอร์ (ที่เราเห็นกันบ่อย ๆ คือ USB Type-B Micro หรือที่เราเรียกว่า Micro USB ซึ่งใช้กันในมือถือนั่นเอง)USB Type-Aมาตราฐาน USB จริง ๆ แล้วจะถูกกำหนดเป็นหมายเลขเช่น USB 2.0 หรือ USB 3.0 ซึ่งตัวเลขเหล่านี้จะเกี่ยวข้องกับความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลที่รองรับเป็นหลัก อย่างไรก็ตามอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่มีพอร์ต USB แบบ Type-C นี้ ส่วนมากจะใช้เป็น USB มาตราฐาน 3.2 Gen 2 ซึ่งมีความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลสูงสุดถึง 10Gb/s ซึ่งคนทั่วไปคิดว่าคำสองคำนี้สามารถใช้แทนกันได้USB Type-B Mini / Microดังนั้นเราจึ้งต้องขอย้อนประวัติของ USB กันสักเล็กน้อย โดย USB นั้นเริ่มปรากฎขึ้นมาในหน้าประวัติศาสตร์ในช่วงปี ค.ศ. 1998 ซึ่งในสมัยนั้นเทคโนโลยีของ USB จะเป็ฯเวอร์ชั่น 1.1 เป็นการใช้งานร่วมกับหัวพอร์ต USB แบบ Type-A และ Type-B หลังจ่กนั้นก็ได้รับการพัฒนาต่อมาเรื่อย ๆ จนกลายเป็น USB เวอร์ชั่น 2.0 ในช่วง ค.ศ. 2000 และใช้งานต่อเนื่องมาจนถึงปี ค.ศ 2008 ซึ่งในช่วงนั้นนิยมใช้กันคือ USB Type-B mini และ USB Type-B Micro หรือที่เราเรียกว่า mini USB และ Micro USB นั่นเอง หลังจากนั้นก็ได้มีการพัฒนาต่อยอดเพิ่มขึ้นมาเป็น USB เวอร์ชั่น 3.0 และพัฒนาเป็น USB เวอร์ชั่น 3.1 โดยมีการเพิ่มประสิทธิภาพและแก้ปัญหาเรื่องความไม่สะดวกในการใช้งาน จนเกิดเป็น USB รูปแบบ Type-C ขึ้นมานั่นเองข้อดีของ USB Type-Cขนาดเล็กพกพาสะดวกหัวพอร์ตสามารถสลับเสียบด้านใดก็ได้รองรับการใช้งานหลากหลายรูปแบบ เช่นใช้เสียบชาร์จแบตเตอรี่ให้กับอุปกรณ์ต่างๆ ใช้รับส่งข้อมูลใช้เป็นสายเสียบหูฟังใช้เป็นพอร์ตส่งสัญญาณภาพและเสียง (HDMI)USB Type-C มีกี่ประเภทType-C นั้นโดยคอนเซ็ปต์แล้วจะสามารถใช้งานได้หลากหลายประเภทภายในหัวเดียว ซึ่งในปัจจุบันนั้นจะถูกแบ่งแยกออกเป็น 4 ประเภทดังนี้USB Type-C แบบทั่วไปUSB Type-C แบบทั่ว ๆ ไปนั้นในด้านการใช้งานก็ไม่ได้แตกต่างไปจาก USB Type-A แต่อย่างใด เพียงแต่มีหัวเป็น Type-C ที่สามารถเสียบด้านไหนก็ได้เท่านั้น โดยในแบบทั่วไปนั้นจะเรียกเป็นหมายเลขเวอร์ชั่นคือ 2.0, 3.0, 3.1, 3.1 Gen 2 และล่าสุดคือ 3.2 ซึ่งตัวเลขเหล่านี้สามารถใช้เป็นตัวระบุความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลได้ โดยใน USB 3.2 นั้นสามารถทำความเร็วได้สูงสุดถึง 20Gb/s เลยทีเดียวซึ่งแบบทั่วไปนี้เราสามารถพบได้ในอุปกรณ์ทั่ว ๆ ไป รวมถึงในโน๊ตบุ๊คและสมาร์ทโฟน โดยในสมาร์โฟนนั้นจะใช้แตกต่างกันไปตามระดับตัวเครื่องอย่างเช่นในรุ่นเรือธงจะใช้ USB 3.1 และ USB 3.2 นอกนั้นส่วนใหญ่จะเป็น USB 2.0 เสียส่วนมาก ซึ่งทั้งนี้ขึ้นอยู่กับทางผู้ผลิตว่าออกแบบให้ตัวเครื่องมีระบบชาร์จด้วยความเร็วเท่าไร เพราะแต่ละรุ่นนั้นรองรับการจ่ายไฟได้ต่างกันUSB Type-C PD / POWER DELIVERYUSB แบบ PD นั้นว่าด้วยเรื่องการใช้งานนั้นไม่ต่างอะไรกับ Type-C แบบทั่วไป แต่ที่แตกต่างกันคือความสามารถในการจ่ายไฟที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเริ่มตั้งแต่ 5V ไปจนถึง 20V ทำให้สามารถเอาไปใช้งานได้กับอุปกรณ์ที่หลากหลายมากขึ้น โดยในปัจจุบันนั้น USB PD นั้นได้มีการพัฒนามาสู่เวอร์ชั่น 3.0 แล้ว ซึ่งข้อดีของเทคโนโลยี PD นั้นคือทำให้สามารถเอาไปใช้ชาร์จได้ตั้งแต่โทรศัพท์มือถือไปจนถึงโน้ตบุ๊ค ในสภาพที่ตัวอะแดปเตอร์มีขนาดเล็กในระดับที่พกพาได้ง่ายUSB Type-C DP / DISPLAY PORTType-C แบบ DP เป็น USB แบบที่จะพบได้บนคอมพิวเตอร์แบบพีซีและโน๊ตบุ๊ค ซึ่งพอร์ตนี้จะเป็นพอร์ตสำหรับเชื่อมต่อกับหน้าจอแยกที่รองรับพอร์ตแบบ Type-C แต่ด้วย Type-C DP เป็นสิ่งที่ยังไม่ได้นิยมมากนักทำให้หน้าจอที่มีพอร์ต Type-C DP นั้นมีน้อยแถมยังราคาแพงด้วย ทว่าในบางรุ่นที่ราคาสูงมาก ๆ พอร์ตนี้สามารถใช้ชาร์จไฟให้โน๊ตบุ๊คได้เลยด้วยซ้ำTHUNDERBOLT 3Thunderbolt 3 นับเป็นพอร์ตที่ครบเครื่องที่สุดในบรรดา USB รูปแบบ Type-C แล้ว ด้วยการรวมความสามารถต่าง ๆ เข้าด้วยกันทำให้สามารถใช้งานได้หลาย ๆ อย่างพร้อมกันในพอร์ตเดียว ซึ่ง Thunderbolt 3 ในปัจจุบันผู้ที่ใช้งานแบบเต็มที่จะมีเพียง Apple เท่านั้น ส่วนโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่น ๆ จะมีการให้พอร์ต Thunderbolt 3 มาเพียง 1 พอร์ต และจะอยู่ในเครื่องที่มีราคาสูงอีกด้วยThunderbolt 3 นั้นสามารถถ่ายโอนข้อมูลได้เร็วกว่า USB 3.2 ที่เป็นเวอร์ชั่นล่าสุดถึง 2 เท่า สามารถทำความเร็วได้ 40Gb/s โดยจุดสังเกตุความแตกต่างของ Thunderbolt 3 และ Type-C แบบอื่น ๆ คือ Thuncderbolt 3 นั้นจะมีรูปสายฟ้าอยู่ข้าง ๆ พอร์ต Type-C ซึ่งหากเจอก็มั่นใจได้เลยว่าพอร์ต Type-C นี้เป็น Thunderbolt 3 แน่นอนความสามารถของ Thunderbolt 3 เชื่อมต่อหน้าจอ 4K 60 Hz สองจอ (ด้วยสายเส้นเดียว)จ่ายไฟสูงสุด 100Wเชื่อมจากการ์ดจอภายนอกเชื่อมต่อการ์ดเสียงภายนอกเชื่อมต่อแบบ Daisy chaining (ลูกโซ่) สูงสุด 6 อุปกรณ์รองรับโปรโตคอล Thunderbolt, USB, DisplayPort, PCI Expressนอกเหนือจากนี้ความสามารถของ Thunderbolt 3 ก็จะเหมือนกับ Type-C ทั้งหมด ทำให้หากเอาสาย Thunderbolt 3 ไปใช้กับอุปกรณ์ที่รองรับ Thunderbolt รุ่นอื่น หรือเอาไปใช้กับอุปกรณ์ที่ไม่ได้รองรับ Thunderbolt ก็ยังสามารถใช้งานได้เป็นปกติ เช่นหากเอาไปใช้กับอุปกรณ์ที่เป็นพียง Type-C ธรรมดา การโอนถ่ายข้อมูลก็จะวิ่งอยู่บนมาตราฐาน Type-C นั่นเองตารางเปรียบเทียบความแตกต่างของ USB Type-C และ Thunderbolt 3หลังจากที่เราได้รู้ข้อมูลของ Type-C แบบต่าง ๆ รวมถึง Thunderbolt 3 ไปแล้วคราวนี้เรามาดูความแตกต่างของ Type-C ที่เราใช้กันแบบทั่ว ๆ ไปและ Thunderbolt 3 ที่ Apple และอุปกรณ์ราคาแพงนิยมใช้USB 3.1 Gen 2USB 3.2Thunderbolt 3คอนเน็กเตอร์USB-CUSB-CUSB-Cความเร็วสูงสุด10 Gb/s20 Gb/s40 Gb/sการต่อพ่วงแบบเดซี่เชน––สูงสุด 6 อุปกรณ์USB Power Deliveryไม่มีมีมีจ่ายไฟสูงสุด100W100W100Wโดยทั่วไปอุปกรณ์ต่าง ๆ จะใช้เป็น USB 3.1 Gen2 ส่วน USB 3.2 จะอยู่ในกลุ่มอุปกรณ์รุ่นใหม่ล่าสุดสรุปแล้ว Thunderbolt 3 มันต่างกับ Type-C ปกติอย่างไร คำตอบก็คือ Thunderbolt 3 นั้นเป็น Type-C แบบ Perfect ที่รวบรวมความสามารถทุกอย่างของพอร์ตต่าง ๆ เข้าไว้ด้วยกัน ทำให้สามารถใช้งานได้ครอบจักรวาลที่สุดในเวลานี้แล้ว ซึ่ง ณ ปัจจุบันนี้พอร์ต Type-C นั้นเจอแทบจะในทุกอุปกรณ์สมัยใหม่แล้ว โดยเฉพาะมือถือในยุคหลัง ๆ ที่ใส่พอร์ต Type-C ลงในมือถือราคาไม่แพง ส่วนพอร์ตแบบ Thunderbolt ยังไม่มีการนำมาใช้ในมือถือแต่อย่างใด ทุกวันนี้จะพบได้ในโน๊ตบุ๊ค, พีซี และอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่นหน้าจอ และการ์ดจอแยกเป็นต้นขอแนะนำเลยนะครับ ใครที่กำลังหาโน๊ตบุ๊คหรืออุปกรณ์ใด ๆ ที่เป็นแบบ Type-C ให้ลองหาที่เป็นพอร์ต Thunderbolt 3 ดูนะครับ เพราะเป็นพอร์ตที่ใช้งานได้หลากหลายที่สุดแล้ว ซึ่งเดี๋ยวนี้อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่มีพอร์ต Thunderbolt 3 นั้นราคาก็ลงมาเยอะแล้ว แต่ถ้าหากหาไม่ได้จริง ๆ พอร์ต USB แบบ Type-C ก็ได้ เพียงแต่จะใช้ได้ไม่ครอบคลุมเท่า ซึ่งก้ต้องมาสักเกตุก่อนว่าพอร์ตนั้นเป็น Type-C แบบทั่ว ๆ ไปหรือเป็น Type-C แบบ PD / DPบทความแนะนำ USB Type-C ที่เราได้เคยเขียนไว้เมื่อนานมาแล้ว ส่วนข้อมูลของ USB ทั้งหมดสามารถหาได้จากเว็บ usb.org เลย jQuery(document).ready(function($) {
$.post(‘https://specphone.com/web/wp-admin/admin-ajax.php’, {action: ‘wpt_view_count’, id: ‘294761’});
}); jQuery(document).ready(function( $) {
$.post( ‘https://specphone.com/web/wp-admin/admin-ajax.php’, {action: ‘mts_view_count’, id: ‘294761’});
});

About Lê Lan Ánh

Check Also

[เก่าแต่เก๋า] แนะนำมือถือปรับราคา สเปคแรง กล้องแจ่ม คุ้มค่า น่าซื้อ

ช่วงนี้เป็นช่วงที่มือถือสมาร์ทโฟนเปลี่ยนไป หลายแบรนด์กำลังจะออกรุ่นใหม่ๆ ตีตลาดเร็วๆ นี้ เป็นธรรมชาติของมือถือรุ่นเก่า ที่จะถูกปรับราคาไปตามระเบียบ ส่วนใครที่ซื้อไปก่อนอาจจะปวดหลัง (หลักหัก) นิดหน่อย แต่ถ้าใครต้องการเปลี่ยนมือถือใหม่ บอกเลยว่าพลาดไม่ได้แน่นอน เลยได้รวบรวมสุดยอดมือถือปรับราคาเน้นสเปคแรงใช้งานได้นาน ในตอนแรกคุณอาจรู้สึกเฉยๆ เพราะราคาสูง แต่พอปรับราคาเท่านั้นแหละน่าซื้อ …

Trả lời

Email của bạn sẽ không được hiển thị công khai. Các trường bắt buộc được đánh dấu *